ลือลั่นสนั่นกันไปเมื่อหลายปีก่อน ที่เปิดตัว Sram Red eTap ชุดเกียร์ไฟฟ้าไร้สายของค่ายนี้ ซึ่งในเวลานั้นพวกเขาก็ให้สัมภาษณ์ว่า ในแผนการทำงานมีแนวทางว่าจะออก Sram Force eTap เป็นทางเลือกที่ย่อมเยากว่าออกมาแน่นอนในอนาคต แต่รอแล้ว รอเล่า ก็ยังคงไม่มา และก็ผิดคาดเมื่อพวกเขานำเอา Sram Red eTap AXS ออกมาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนั่นเองที่ทำให้พวกเราต้องมานั่งคิดว่า Sram Force eTap จะออกมาเป็นอย่างไร?

บ้างก็เดากันว่า มันคือ Sram Red eTap 11 เฟือง เก่านั่นแหละ นำมาเพิ่มน้ำหนักนิดหน่อยจากการลดเกรดวัสดุ และกั๊กลูกเล่นของ AXS เอาไว้ให้พี่ใหญ่ สร้างความต่าง และทำออกมาในราคาที่จับต้องได้เพื่อแข่งในตลาดกลาง แต่ทว่า การทำอะไรให้สื่อคาดทางถูก ไม่ใช่วิถีแห่ง Sram ! พวกเขาเลือกที่จุดจับเอาจุดเด่นของ AXS ใส่เข้ามาใน Force ใหม่ทันที ทั้งเรือ่งของ 12 เฟือง และฟีเจอร์ต่างๆที่เพิ่งออกมาแบบแทบไม่กั๊กอะไรเอาไว้เลย

WHAT IS “eTap AXS”?

eTap AXS หรือ “แอ็กเซส” เป็นแนวคิดการออกแบบเกียร์จักรยานใหม่ทั้งหมด มองกลับไปที่ชุดเกียร์ซึ่งทำหน้าที่ทดกำลังให้เราไปได้เร็วขึ้นและไปได้ง่ายขึ้น สามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นบนทางราบและไต่เขาได้เบาขากว่าเดิม ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นทิศทางการออกแบบชุดเกียร์ที่จะต้องเพิ่มเฟืองเข้าไปอีก 1 ชั้น ซึ่งเป็นการรื้อการออกแบบที่ฉกาจมาก มากกว่าแค่้การใส่เฟือง 12 เฟืองมาให้อย่างที่คู่แข่งทำ และหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ การใส่เฟือง 10 ฟันเข้าไปในชุดเฟืองเสือหมอบ ซึ่งเฟือง 10 ฟันนี่เองที่เป็นจุดเปลี่ยนทั้งหมดของเรื่องราวที่มีในตรงนี้

เกียร์เรโช คืออะไร?

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู็จักกับอัตราทดของเกียร์จักรยานกันก่อนครับ ทำความเข้าใจง่ายๆว่า อัตราทดนี้คือ สัดส่วนว่าจานหน้าหมุนไป 1 รอบ เฟืองหลังจะหมุนไปได้กี่รอบ ยิ่งหมุนไปได้มากก็จะยิ่งได้อัตราทดที่หนัก ทำความเร็วสุงในทางราบได้ดี (หมุนขา 1 รอบ ล้อหลังหมุนกี่รอบ) และถ้าได้อัตราทดมาน้อย ก็หมายถึงเบาแรงและทดกำลังตอนขึ้นเขาได้ดีขึ้นนั่นเอง การคำนวนหาได้ง่ายๆด้วยการนำจำนวนฟันของเฟืองท้าย ไปหารกับฟันของจานหน้า เช่น เฟือง 12 ฟัน กับจาน 34 ก็จะได้อัตราเรโชเท่ากับ 2.8 (จานหน้าหมุนไป 1 รอบ ล้อหลังหมุนไป 2.8 รอบ)

 

เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว เรามาดูการเพิ่มขึ้นของเฟือง 10 กันนะครับ ว่ามัน”เปลี่ยนโลก” ได้ขนาดไหน เริ่มต้นจากหากนำเฟือง 10 มาคำนวนหาเรโชกับชุดจานมาตรฐาน 53 ฟันในปัจจุบัน จะได้เรโชที่ 5.3 เทียบได้เท่ากับจาน 55 ฟันบนเฟือง 11 เลยทีเดียว ซึ่งมีไม่มากนักที่ต้องการอัตราทดขนาดนั้น (อาจเห็นได้ในไทม์ไทรอัล) ดังนั้น Sram จึงเปิดโลกความคิดต่อไปอีกขั้นด้วยการ”ลดขนาดจานหน้า” จาก 53 ฟันเหลือ 50 ฟัน และทำให้มีดรโชที่ 5.0  ซึ่งก็ยังได้อัตราทดที่มากกว่าจาน 53 กับเฟือง 11 อยู่ (เกียร์ดรโช 4.8) ก็เท่ากับว่า แนวคิดนี้ส่งผลให้เราได้อัตราทดที่ช่วยให้ไปได้เร็วขึ้นบนทางราบ

จากนั้นมาดูกันต่อที่จานใบเล็กครับ เนื่องจากจานหน้าใบใหญ่เปลี่ยนจาก 53 มาเป็น 50 แล้ว จานใบเล็ก เดิมจาก 39 ฟัน สามารเปลี่ยนให้เล็กลงได้ด้วยเช่นกัน โดยที่พวกเขาทดสอบว่าช่องว่างของขนาดใบจานที่ 13 ฟันเป็นความพอดีที่สุดสำหรับการใช้งานและการเปลี่ยนเกียร์ที่จานหน้าที่เหมาะสม ดังนั้นจึงเลือกใช้จานหน้าขนาด 37 ฟันมาแทน 39 ฟันในชุดจานมาตรฐาน นั่นก็แปลว่า จะได้อัตราทดที่เบาขาบนภูเขากว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย จากเดิม จานหน้า 39 ฟันบนเฟือง 28 ได้อัตราเรโชเท่ากับ 1.39 เมื่อใช้จานหน้า 37 ฟันบนเฟืองเดิมจะได้เรโช 1.32 หรือเทียบเท่ากับอัตราทดบนจานเดิมกับเฟือง 29 พูดง่ายๆว่า เบาขามาอีกฟันนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาออกชุดจานสำหรับ eTap AXS มา 3 ชุดได้แก่ 50/37, 48/35 และ 46/33 และชุดเฟืองที่มีตั้งแต่ 10 ฟันไปจนถึง 33 ฟันรองรับการขึ้นเขาให้เลือกใช้ได้ 3 แบบ ซึ่งเฟืองมาตรฐาน 10-28 ร่วมกับเฟืองเน้นทางราบ 10-26 ที่จะเรียงเฟืองมากกว่าเดิมและเฟืองเน้นขึ้นเขา 10-33 ที่ให้เรโชทดเบาขาพอๆกับเฟือง 34 จะยิ่งมีการเรียงของเฟืองในช่วงทางราบที่เนียนมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ตีนผีของ AXS ก็รองรับเฟืองทุกขนาดในซีรีส์นี้ได้ในตัวเดียว ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนให้วุ่นวายอีกแล้ว

แต่ช้าก่อนครับนี่เป็นเพียงความเด็ดที่เกิดจากการออกแบบอัตราทดใหม่ ยังไม่ได้พูดถึงข้อได้เปรียบที่มาจากชุดเกียร์ไฟฟ้าเลย Sram  ได้พัฒนาเกียร์ไฟฟ้าของเขาต่อไปอีกชั้นหนึ่งด้วยการสร้างระบบทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่สามารถปรับตั้งค่าต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งสิ่งที่คุณสามารถเลือกปรับตั้งได้ก็ได้แก่

-ตั้งให้วิธีเปลี่ยนเกียร์ของแต่ละปุ่มเป็นอย่างที่ใจคุณต้องการ

-ปรับตั้งให้กดค้างแล้วเปลี่ยนทีละกี่เฟือง

-ปรับตั้งระบบอัจฉรียะ ชุดเกียร์จะทำการทดเฟืองหลังให้เองเมื่อเปลี่ยนจานหน้า (สามารถปิด/เปิดคำสั่งได้จากชิฟท์เตอร์ขณะปั่นด้วย)

-ปรับตั้งระบบอัจฉรียะที่ชุดเกียร์จะคิดให้ว่าต้องใช้เียร์อะไรเพียงแค่กดให้มันเบาลงหรือหนักขึ้น (สามารถปิด/เปิดคำสั่งได้จากชิฟท์เตอร์ขณะปั่นด้วย)

เพียงเท่านี้ เมื่อทำงานร่วมกับปุ่มเสริม (Blip) ก็จะมีการใช้งานชิฟท์เตอร์ที่ตั้งให้เหมาะมือถูกใจคุณได้ด้วยแอปฯนี้นั่นเอง และยังต่อด้วยการพัฒนาความเร็วในการเปลี่ยนเฟืองหลังให้ทันใจยิ่งขึ้นกว่า eTap ในเวอร์ชั่นแรก ตลอดจน โซ่ที่ออกแบบใหม่ให้มีอายุการใช้งานคงทนกว่าเก่าถึง 50 เปอร์เซ็นต์

เอาล่ะครับนี่คือที่มาของควาเจ๋งของ eTap AXS ครับ ฟีเจอร์นี้อยู่ใน Red eTap AXS มาแล้ว คุณๆอาจจะงงว่า อ้าวนี่มันบทความเปิดตัวอะไรกันแน่ ยังไม่ผิดหรอกครับ นี่คือบทความเปิดตัว Force AXS ครับ เพราะ Force AXS ใส่ทั้งหมดนี้มาให้เลย!! ถึงกับทำให้เราต้องอุทานในใจว่า “คุณพระ” นี่ทาง Sram คิดอะไร ไม่มีกั๊กกันแบบนี้ เหตุผลง่ายๆก็คือ Force AXS ไม่ได้ถูกส่งออกมาเพื่อชนกับ Shimano Ultegra Di2 ครับ แต่มันถูกสร้างออกมาเพื่อเป็นน้องของ Red AXS ที่จับต้องได้มากขึ้น โดยมีฟีเจอร์ตั้งๆเกือบครบทั้งหมด แม้แต่ มอเตอร์ที่ใช้กับตีนผีและสับจานก็เป็นตัวเดียวกัน ทำให้ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ทำได้เท่ากัน ไม่แตกต่างกันเลย แบตเตอรี่ก็อันเดียวกัน สิ่งที่ต่างหลักๆก็คือ น้ำหนักรวมของชุดขับที่ต่างกัน2xxx กรัมทเ่านั้น (มาจากจานหน้า เฟือง โซ่ และวัสดุเล็กๆน้อยๆ) นอกนั้นเป็นความต่างในเชิงความเทพของ Red เช่น เฟืองที่เป็น CNC , ใบจานแบบ CNC ของ Red AXS แน่นอนว่าเบากว่า Force AXS

 

สิ่งสำคัญอีกประการก็คือ ในรุ่น Force AXS จะมีจานหน้าให้เลือกได้เพียง 2 ชุดเท่านั้นก็คือ 48/35 และ 46/33 ซึ่งเทยบแล้วได้อัตราทดใกล้เคียง 52/36 และ 50/34 (แต่เบากว่าและทำความเร็วได้สูงกว่า) พร้อมใบจานที่รองรับการนำไปใช้งานกับพาวเวอร์มิเตอร์ของ Sram (ซึ่งก็คือ Quarq) ไม่ต่างจากที่ Red AXS สามารถเลือกมาพร้อมกับพาวเวอร์มิเตอร์ได้เลย

ราคาคาดเดาโดยประมาณ ทั้งชุดขับเคลื่อน

Force AXS Hyfrualic Disc 2,678US$ (ราคาตั้งในไทย  93,000 บาท)

Force AXS Rim 2,478US$ (ราคาตั้งในไทย 86,000 บาท)

Force AXS 1X Rim (ใบจานเดียว) 2,078US$ (ราคาคาตั้งในไทย 72,000 บาท)

บทวิเคราะห์เพิ่มเติม

*เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้วางตำแหน่งของ Force AXS มาชนกับ Ultegra Di2 ดังนั้นราคาจึงดูแล้วสูงกว่าอยู่นิดหน่อย แต่ด้วยจุดเด่นทั้งหมดก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่านี่คือการพัฒนาข้ามขั้นคู่แข่งไปในอีกมุมมองหนึ่งเลยทีเดียว

**ชุดอัพเกรด จะยังไม่มีจำหน่ายในเร็วๆนี้ เนื่องจาก การเปลี่ยนไปใช้ AXS นั้น จำเป็นต้องเปลี่ยนเกือบท้ั้งหมดทุกชิ้นที่มี จะเหลือก็เพียงตัวก้ามเบรคสำหรับแบบริมเบรคที่ใช้ร่วมกับของเดิมได้ (และแบตเตอรี่ สำหรับคนที่มี eTap อยู่แล้ว) ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องทำชุดอัพเกรดออกมาครับ

***ระวัง ของขาดตลาด! เราคาดเดาว่า ปริมาณและกำลังการผลิตของเขาไม่น่ามาก คล้ายๆกับตอนที่ Red eTap ตัวแรกๆออกมาวางจำหน่าย เพราะต้องส่งให้ประกอบกับรถสำเร็จของแบรนด์ต่างๆอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขามั่นใจว่า Force AXS จเป็นชุดเกียร์ 12 สปีดที่เจ๋งและคุ้มค่าต่ออนาคตที่สุดอย่างแน่นอน

April 3, 2019 cyclinghub 0 Comment