จากที่คาดว่าปีนี้เราจะได้เห็นไมล์เรือธงตัวใหม่จาก Garmin มาในรหัส 1050 นั้น เราก็ได้นั่งเทียนพลาดกันไปนะครับเพราะ Garmin เพิ่งเปิดตัวการ”ยกหน้า” ทำหน้ามาใหม่ของ 1030 กลายมาเป็น 1030 Plus ที่ออกมาต่อยอดจากรุ่นท็อปเดิมในตลาด และในโอกาสเดียวกันนี้ ก็ส่งเอา 130 Plus รุ่นมหาชนคนเข้าถึงง่ายที่ใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆเข้าไปเพิ่มมาแทน ดังนั้น เรายังไม่ได้เห็น”เรือธง” ลำใหม่อย่างจริงจัง แต่คราวนี้ พอเข้าไปดูรายละเอียดของไมล์ตัวนี้ ถ้านับกันตามความเป็นจริงแล้ว มันน่าจะถูกเรียกง่า 1050 ก็ได้ครับ เพราะงานนี้ ไม่ใช่การ”ไมเนอร์เชนจ์” ธรรมดาๆเลย 1030 Plus มากับการออกแบบตัวเครื่องด้านนอกแตกต่างจากเดิมนิดหน่อย ใส่จอตัวใหม่ และ ระบบภายในก็ยกเครื่องใหม่ด้วย เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเข้าไปกว่า 10 รายการ เหตุผลเดียวที่มันยังไม่ขยับเปลี่ยนรหัสก็คือ เทคโนโลยีที่ใช้ใน 1030 Plus นั้น เป็นการนำมาจาก 830 ที่ออกมาก่อนนั่นเอง ไม่ใช่อาวุธใหม่ถอดด้าม แต่ถึงแม้ว่าจะเอามาจาก 830 แต่พอมาใส่ใน 1030 Plus ก็ทำให้มัน”เทพ” ขึ้นไปอย่างไม่ต้องมากังวลเลยครับ วันนี้ ผมจะหยิบเอาจุดเด่นๆของ 1030 Plus มาบอกกันก่อนนะครับว่ามีอะไรบ้าง

อันดับแรก อายุแบทเตอรีที่เปลี่ยนไป

จากเดิมที่ใช้งานต่อเนื่องเปิดทุกอย่างได้ 10+ ชั่วโมง คราวนี้ 1030 Plus มาทุบตลาดสู้ค่แข่งด้วยการทำงานแบบ”เต็ม”ระบบ แถมเปิดไฟหน้าจอค้างไว้สว่างที่สุดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง  และถ้าใช้งานโหมดปกติ สามารถใช้งานต่อเนื่อได้ 40-48 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทำให้นี่คือไมล์จักรยาน จอสี ทัชสกรีน ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุด แสดงผลละเอียดที่สุด และใช้งานได้นานที่สุดด้วย Garmin พัฒนาฟีเจอร์นี้เพื่อให้มันตอบโจทย์กับผู้ที่ใช้งานในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่การปั่นต่อเนื่อง 48 ชั่วโมงเลยนะครับ แต่มันหมายถึง หากคุณไปปั่นจักรยานต่างบ้าน ต่างเมือง 5-6 วัน วันละ 5-6 ชั่วโมง คุณก็จะสบายใจและมั่นใจได้ในความสะดวกว่า คุณไม่มีความจำเป็นต้องชาร์จไมล์ของคุณระหว่างทริปนั้นเลย

หน้าจอแบบใหม่ ละเอียดกว่าเดิม

แม้จะไม่มีการเปิดเผยความละเอียดหน้าจอ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ หน้าจอนี้เป็นหน้าจอที่มาจา 830 ซึ่งแสดงภาพได้คมชัดกว่า อาการเหลือบสีน้ำเงินหายไป ภาพคมชัดขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจุดนี้ทำให้แฟนๆ 830 ต้องยอมเสียทรัพย์กันมาแล้วเมื่อวันที่ออกมา เพราะซีรีส์น้องกลับทำจอได้เด็ดยิ่งกว่ารุ่นพี่เสียอีก คราวนี้ก็ถือว่า 1030 Plus ได้โอกาสจับเอาฮาร์ดแวร์ตัวที่ดีที่สุดที่ Garmin ,ีมาใส่เอาไว้ด้วย แถมทัชได้ลื่นติดนิ้วยิ่งกว่าเดิม ใกล้เคียงการใช้งานสมาร์ทโฟนมากๆ ซึ่งนั่นมาจากจุดเด่นข้อต่อไปที่ผมจะเล่าครับ

ระบบประมวลผลแบบใหม่

CPU หรือ ระบบประมวลผลกลางของไมล์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเลยครับ ถ้ามันแรงก็จะทำงานได้ดียิ่งขึ้น เร็ว ลื่นไหลมากขึ้น ระบบประมวลผลที่ดีและแรงที่สุดที่ Garmin ใช้ถูกปล่อยออกมาใน 830 เมื่อปีก่อน และรอบนี้ 1030 Plus ได้นำเอาระบบประมวลผลนี้มาใส่ในเครื่องด้วย ทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทันสกรีนได้ลื่นขึ้น พวกเขาเคลมว่า การทำงานโดยรวมเร็วกว่าเดิม 2 เท่า ซึ่งเท่าที่ดูการทดสอบของสื่อต่างประเทศก็มีที่เห็นผลชัดและไม่ชัด เท่าที่ดูมาความเร็วที่ชัดเจนจริงๆคือการคำนวนเส้นทางในโหมดแผนที่ ที่ทำได้เร็วกว่าเดิมชนิดครึ่งต่อครึ่งจริงๆ

อัพเกรดความสามารถในการแสดงผล

โดยหลักๆแล้วการแสดงผลต่างๆถูกเพิ่มความสามารถเข้าไปอีก โดยเฉพาะในส่วนของ LiveTrack , การเพิ่มจุดเด่นในการใช้งานแบบเสือภูเขามากขึ้น และ  แผนที่นำทางที่เพิ่มความสามารถเข้าไปอีกเช่น การคำนวนเส้นทางใหม่แบบทันทีทันไดที่ออกจากเส้นทางนั้นๆ โดยคุณเลือกได้ว่าจะให้มันพาไปจุดที่หลงออกมา, พากลับเข้าเส้นทางที่ต้องปั่นอย่างเร็วที่สุด และ ไปยังจุดสิ้นสุดการปั่นเลย ข้อนี้คู่แข่งพวกเขาเปิดออกมาก่อนหน้า และ 1030 Plus ก็จับมาใส่พร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่”เร็ว” กว่า

แนะนำการฝึกซ้อมได้มากขึ้น

จากฟีเจอร์ของ Edge ในซีรีส์หลังๆ ที่สามารถคิด Training Load ออกมาได้ สามารถวิเคราะห์การปั่นในแต่ละครั้งว่าคุณพิฒนาด้านไหนบ้าง นำไปวิเคราะห์รวมกับเป้าหมายที่ต้องการ ตอนนี้ 1030 Plus สามารถแนะนำคุณได้ว่า วันนี้ คุณควรปั่นอย่างไรบ้าง โดยนำสถิติและข้อมูลย้อนหลังของคุณมาวิเคราะห์กับเป้าหมายที่ต้องการ แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขนาดเป็น”ตารางฝึกซ้อม” แบบแอปฯฝึกซ้อมอย่าง TrainingPeaks หรือ Trainer Road แต่ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ของผู้ที่มองหาไมล์ที่ช่วยให้คุณปั่นจักรยานได้ถึงที่หมายทั้งในการเดินทางและสุขภาพ Garmin ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากคุณใช้งานทั้งหมดนี้ร่วมกับนาฬิกา สุขภาพทั้งหมดของคุณจะถูกนำไปรวบรวมเอาไว้ใน Garmin Connect และการวิเคราะห์ แนะนำต่างๆ ก็จะแม่นยำมากที่สุดด้วย

CLIP : ดูเนื้อหาแบบคลิปจากช่อง Youtube ของพวกเรา

ส่วน 130 Plus นั้นก็ใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆของรุ่นพี่ๆลงมาเพิ่มอีกนิดหน่อย โดยเฉพาะในด้านเสือภูเขา แต่เท่าที่ดูพบว่าอายุแบทเตอรีจะสั้นลงนิดๆ แต่ก็ยังถือว่าเป็นไมล์ราคาจับต้องได้ที่ใส่ฟีเจอร์สำคัญๆมาให้ครบถ้วนกับการใช้งานตัวหนึ่งเล สเป็คอื่นๆของทั้ง 1030 Plus และ 130 Plus อย่างไรนั้น รอโอกาสที่เราได้สัมผัสตัวจริงนะครับ แล้วจะมารีวิวให้ฟังกันอีกครั้งหนึ่ง กำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยนั้นยังไม่ระบุชัดเจน ราคาขายแม้จะยังไม่เคาะออกมาแต่คาดกันว่า ราคาน่าจะเท่าเดิมกับที่ 1030 อยู่ ทั้งในแบบเครื่องเปล่าๆและแบบครบชุด Bundle

ฟีเจอร์ต่างๆที่ว่ามานั้น บางส่วน ซีรีส์หลังๆน่าจะได้อัพเดทให้ใช้ได้เช่น LiveTrack ที่เพิ่มมาใหม่ และการนำทางที่ฉลาดขึ้น ตั้งแต่ 1030, 830 และ 530 น่าจะได้ร่วมด้วยแน่นอนครับ ทว่าคงต้องรอกันอีกระยะยาวๆเลย เพราะ Garmin เพิ่งปล่อย Firmware ล่าสุดออกมาไม่นานนี้เอง น่าจะเพื่อปรับให้เครื่องเตรียมรับกับฟีเจอร์ที่จะตามในภายหลัง แต่ก็แน่นอนครับว่า คงมาไม่ครบอย่างไม่ต้องสงสัย ซีรีส์ที่น่าจะมีความหวังที่สุดที่จะรองรับได้เต็มๆคือ 530 และ 830 ที่ใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกัน ส่วน 1030 อาจไม่สามารถรองรับฟีเจอร์บางตัวได้เพราะสเป็คของมันต่ำกว่า ก็แน่นอนครับว่าหากให้ผมเดา ผมเดาว่าทั้งหมดนี้จะได้รับฟีเจอร์เท่ากับที่ 1030 รับได้ Garmin คงๆม่ดันจน 530 มีฟีเจอร์แซง 1030 ไปอย่างแน่นอน ที่สำคัญ 1030 Plus ต้องมีความเหนือกว่าในฐานะเรือธง

June 19, 2020 cyclinghub 0 Comment