จักรยานไฟฟ้า แนวโน้มการพัฒนาของจักรยานที่ทั่วโลกอ้าแขนรับอย่างเต็มอก ทั้งในกลุ่มการใช้สัญจรในเมืองใหญ่ต่างๆ และเริ่มถูกนำมาใช้ในการปั่นเพื่อสุขภาพและนันทนาการมากขึ้น และในที่สุด แม้แต่การแข่งจัรกยานระดับมาตรฐานดลก ก็เริ่มเปิดให้มีจักรยานไฟฟ้าในบางประเภทการแข่งขันแล้ว ด้วยเหตุนี้ ทั้งหมดนี้ ผลักดันให้ การเติบโตของจักรยานไฟฟ้าเป็นไปอย่างก้าวกระโดดในทั่วทุกมุมโลก การเติบโตของอีไบค์ในยุโรป มีจำนวนมากขึ้นกว่า 400% ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเติบโตมากกว่า 2 เท่าในตลาดอเมริกาเหนือ สิ่งที่คุณอาจไม่คาดคิดก็คือ งานปั่นจักรยานขนาดใหญ่ระดับ Grand Fondo เริ่มเปิดให้มีกลุ่มจักรยานไฟฟ้าปั่นร่วมไปกับจักรยานปกติแล้วในปีที่ผ่านมา และยังจะมีอีเว้นท์อื่นๆตามมาอีกเรื่อยๆในปีนี้

 

ทว่า สำหรับประเทศไทย จักรยานไฟฟ้าเหล่านี้ ถูกมองว่าเป็นตัวปัญหาหากจะนำมาปั่นร่วมกับจักรยานทั่วๆไปในงานต่างๆ ในสถานที่ต่างๆ ที่อนุญาตให้ปั่นจักรยานได้ เพราะเข้าใจว่ามันมีความเป็น”พาหนะ” ทำความเร็วได้มากกว่าจักรยานปกติ แถมยังมีคนคิดด้วยว่า หากจะปั่นจักรยานไฟฟ้าออกกำลังกาย มันย่อมไม่ได้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพและดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ผนวกกับปัญหาด้านนโยบายของภาครัฐในเรื่องของกำแพงภาษี และการจัดหมวดหมู่พาหนะไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการใช้งานบนถนนหลวง โดยที่ยังมีความเข้าใจเรื่องของจักรยานไฟฟ้าและพาหนะไฟฟ้าทางเลือกอื่นๆที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมากในทั่วทุกมุมโลก ก็ร่วมกันหนุนให้ประเทศไทย เป็นหลุมดึกดำบรรพ์ของการพัฒนาไปในทิศทางนี้ หากจะวิเคราะห์กันให้ดี จักรยานไฟฟ้า พาหนะไฟฟ้าทางเลือก และ รถยนต์ไฟฟ้า น่าจะเป็นทางออกที่ยั่งยืนที่สุดในการป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทย ก่อนที่เมืองใหญ่ต่างๆจะเริ่มพบกับปัญหาฝุ่นขนาดเล็กที่เกินค่ามาตรฐานสุขอนามัยในยามที่สภาพอากาศไม่อำนวยแบบที่เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานครพบอยู่เป็นประจำ

 

สิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่ผู้ใหญ่หลายฝ่ายและนักปั่นอีกมากมายเข้าใจผิดก็คือ เรื่องของ”ความเร็ว” ของจักรยานไฟฟ้า

หลายๆคนมองว่า จัรกยานไฟฟ้ามีมอเตอร์ช่วยผลักดันนั้น มันจะต้องเร็วจี๋เป็นขี่จรวด วิ่งพรวดเป็นรถเครื่องซิ่งแว๊นไปมาอย่างแน่นอน อันที่จริงจักรยานไฟฟ้าเกือบทั้งหมดถูกออกแบบให้มอเตอร์ทำหน้าที่เพียง*ช่วย* ส่งแรงเมื่อมีแรงต้านมากเกินไป เช่นขึ้นเนิน ขึ้นเขา หรือปั่นสวนลมแรงๆ มันไม่ได้มีส่วนช่วยให้คุณซิ่งได้อย่างกับบิดรถแข่ง แถมด้วยข้อกำหนดด้านกฏหมายของหลากหลายประเทศหรือกลุ่มประเทศ ที่กำหนดความเร็วที่จักรยานไฟฟ้าสามารถทำได้สูงสุดด้วยกำลังมอเตอร์ร่วมออกแรง เมื่อสูงมากเกินกว่านั้น มอเตอร์จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ หรือกำหนดด้วยข้อเกี่ยวข้องอื่นๆที่ช่วยให้มันแตกต่างจากพาหนะไฟฟ้าทดแทนที่สามารถใช้บนถนนร่วมกับรถยนต์ได้

ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศออสเตรเลีย จักรยานไฟฟ้าถูกให้นิยามว่ามันต้องเป้นจักรยานที่มีระบบส่งกำลังช่วยจากมอเตอร์ไฟฟ้า มีกำลังไม่เกิน 200-250 วัตต์ (แล้วแต่รัฐ) ทั้งนี้ไม่ระบุถึงความเร็วสูงสุดที่ทำได้ ในขณะที่แคนาดามีข้อกำหนดว่า จัรกยานไฟฟ้าต้องมีกำลังสุงสุดที่มอเตอร์ส่งออกมาไม่เกิน 750 วัตต์ โดยที่ควบคุมความเร็วสุงสุดไว้ที่ 35 กม./ชม. ทางด้านจีนแผ่นดินใหญ่ก็มีข้อกำหนดที่ใช้ทั้งความเร็วและน้ำหนักของตัวจักรยานมาเกี่ยวข้อง กล่าวคือ จักรยานไฟฟ้าที่มีน้ำหนักมากกว่า 20 กก. ผู้ขี่ต้องมีใบอนุญาติแบบเดียวกับจักรยานยนต์ ส่วนจักรยานไฟฟ้าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กก. สามารถขี่ได้อย่างอิสระ แต่ทั้งสองชนิดก็ยังถูกล็อคความเร็วสุงสุดที่มอเตอร์จะทำงานเอาไว้ที่ 30 กม./ชม.

สำหรับความเร็วต่ำสุดที่กฏหมายระบุให้จักรยานไฟฟ้าใช้กำลังมอเตอร์ช่วยขับเคลื่อนได้นั้นคือ 25 กม./ชม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ของเครือสหภาพยุโรปและประเทศเกาหลีใต้ ส่วนสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้จักรยานไฟฟ้าต้องมีความเร็วสุงสุดที่มอเตอร์ช่วยทำงานไม่เกิน 32 กม./ชม.และต้องมีกำลังมอเตอร์สูงสุดไม่เกิน 750 วัตต์

ส่วนประเทศที่น่าจะมีการจำแนกชนิดได้อย่างละเอียดและควบคุมอย่างเจาะจงที่สุดคงไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นที่แบ่งจักรยานไฟฟ้าออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่กลุ่มที่มีมอเตอร์ทำงานไม่เกิน 10 กม./ชม. กลุ่มที่มีมอเตอร์ทำงานตั้งแต่ 10-24 กม./ชม. และกลุ่มที่มีมอเตอร์ช่วยทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 24 กม./ชม.ขึ้นไป โดยที่แต่ละกลุ่ม ถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดของรูปแบบ อัตราทด และรายละเอียดปลีกย่อยรวมถึงใบอณนุญาติที่แตกต่างกัน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านในประชาคมอาเซียนอย่างฟิลิปปินส์ไม่มีข้อกำหนดใดๆเลยเกี่ยวกับจักรยานไฟฟ้า และถือว่าสามารถใช้งานได้ปกติเหมือนจักรยานทั่วไปทุกอย่าง

 

ทีนี้ คุณลองคิดเล่นๆดูสิครับว่า ความเร็วที่นักปั่นขาแรงปั่นกันอยู่นั้นเร็วขนาดไหน?? แน่นอนว่าบนทางลาดชัน บนภูเขา จักรยานไฟฟ้านี่แหละคือตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม เพราะน้อยคนจะไต่เขาได้เร็วไปกว่าบรรดาข้อกำหนดความเร็วสุงสุดที่มอเตอร์ทำงานช่วยแรงปั่น แต่บนทางราบกลับเป้นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะขาซิ่งทั้งหลายต่างทำความเร็วได้สุงกว่าความเร็วที่จำกัดไว้แทบทั้งนั้น เอาง่ายๆคือหากเราใช้ข้อกำหนดของยุโรปมาเป็นแนวทาง จักรยานไฟฟ้าจะทำความเร็วไปจนถึง 25 กม./ชม. และเมื่อเร็วเกินกว่านั้น มอเตอร์จะหยุดทำงานทันที นั่นแปลว่าหากคุณต้องการปั่นกับกลุ่มขาแรงที่ความเร็วเฉลี่ย 45 กม./ชม. อย่างไรเสียคุณก็ต้องออกแรงขาเอาตัวเองและรถที่หนักกว่าเป็นสิบๆกิโลกรัมเกาะไปให้ได้

และถ้าจะคิดแบบผู้ใหญ่หลายๆคนที่มองว่า มอเตอร์ไฟฟ้านี้ “อันตราย” ก็ลองคิดดูละกันครับว่า…ความเร็วมันเท่าไหร่ คนเขาขี่กันเท่าไหร่ และจะอันตรายอย่างที่ท่านๆคิด จริงหรือ?

กระนั้น เราก็ยังเห็นใจในท่านเหล่านั้น เพราะในบ้านเรา ยังไม่มีหน่วยงานไหน ไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชน จะเข้ามาหาทาง”ร่าง” ข้อกำหนดของจักรยานไฟฟ้าอย่างจริงจัง รวมถึงการจำแนก จัดการและควบคุมพาหนะไฟฟ้าทั้งระบบ ซึ่งก็คงได้แต่เพียงสวดภาวนาว่า “สักวัน” คงเป็นจริง

February 5, 2019 cyclinghub 0 Comment