story by AehGlory

 

กลับมาเหลาให้อ่านกันต่อตามสัญญา กับงานปั่นยิ่งใหญ่แห่งปี ที่ 2 ปีถึงจะจัดงานครั้งหนึ่งค่ะ เมื่อคราวก่อนพูดถึงการปั่นบนถนนที่ปิดโทลเวย์ให้นักปั่น 100% ไม่ใช่งานแข่งขันที่ต้องทำความเร็ว แค่ปั่นสนุกๆ ชื่นชมวิวทิวทัศน์ก็มีความสุขมากแล้ว และจบทันเวลาก็พอ

ตอนปั่นอยู่บนถนนถึงจะมีแดดบ้างแต่ด้วยอากาศเย็นสบายๆ 15 องศาเซลเซียส ปั่นบนทางโทลเวย์เรียบๆ ก็สนุก เย็นๆ ใสๆ และบางช่วงของระยะ 70 กิโลนี้ ก็จะได้ไปปีนเนินวนขึ้นเขาเพื่ออ้อมมาขึ้นสะพานอันต่อไปบ้าง ทางขึ้นเขาของที่นี่ จะเป็นเส้นทางจักรยานเท่านั้น ตีเส้นเป็นสีฟ้ามีไว้ให้นักปั่น แต่เวลาปั่นก็ต้องระวังอาจมีจักรยานสวนทางลงมาบ้าง เพราะเส้นทางวนขึ้นเขานี้น่าจะเป็นเส้นยอดนิยมของนักปั่นที่ต้องการมาปั่นที่เมืองนี้ ต้องบอกว่ามาปั่นที่นี่จะมีครบรสปั่นเลย ทั้งทางเรียบ ลมแรง ริมทะเล วนขึ้นเขา ลงเขา  และหากนักปั่นสายกิน สายชิลชอบแน่ๆ ตรงทางลงเขาของบางช่วงก่อนที่จะขึ้นสะพาน Innoshima ที่มีความยาวของสะพานถึง 1,270 เมตร และเป็นสะพานสุดท้ายก่อนที่จะเข้าไปถึง Hiroshima ตรงก่อนทางขึ้นสะพานจะมีร้านขนมไดฟุกุเก่าแก่ ที่เห็นแค่หลังคาแดงๆส้มๆ ข้างล่างนั่น ก็นึกถึงความอร่อยกันเลยทีเดียว  หากคนที่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียวอาจจะพลาด และไม่เดินลงไปเยือนแน่นอน  แต่เหมือนที่เอ๋บอก ว่าจะไม่พลาด งานแบบนี้ปั่นนานเท่าไหร่ ยิ่งคุ้มค่าเท่านั้น ฮ่าๆๆ คุ้มจริงๆ กับไดฟุกุส้มฮัทซากุ ส้มสดๆ รสสดชื่นที่ยัดเข้าไปในไดฟุกุทั้งลูก ฉ่ำมาก ต้องห้ามพลาด

เรื่องเส้นทางปั่นที่ระยะ 70 กิโล มีความเหมาะสมมากๆ กับสายชิล เพราะงานนี้ไม่หนักจนเกินไป บนโทลเวย์มีเจ้าหน้าที่สต้าฟทุก 100 เมตร และระหว่างทางที่ผ่านแหล่งชุมชนมีผู้คนออกมายืนให้กำลังใจแทบจะตลอดทาง และนอกจากนี้ระหว่างทางก็มีจุดสวยๆ ที่ไม่ใช่จุดอันตรายในการจอดเพื่อชื่นชมความสวยงามของทะเล Seto Inland ได้ด้วย  และพอปั่นลงสะพานอันสุดท้ายสักพัก เราจะต้องมาจอดที่สเตชั่นสุดท้าย เพื่อจะได้รอคิวต่อลงเรือข้ามฟากเพื่อไปยังงานฝั่ง Hiroshima ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีมาต่อคิวเพื่อลงเรือข้ามฟากด้วย แต่เนื่องจากว่างานนี้ทั้งสองจังหวัดอย่าง เอฮิเมะ ที่อยู่ทางฝั่งจุดสตาร์ท และทางจังหวัดฮิโรชิม่า เป็นฝั่ง Finish ได้ร่วมกันจัดงานขึ้น ทำให้นักปั่นได้ชื่นชมทัศนียภาพของจังหวัดฮิโรชิม่าอีกด้วย ซึ่งการรอเรือข้ามฟากก็ไม่ได้นานมากจนเกินไป ทั้งที่นักปั่นระยะ 70 กิโลเยอะมากๆ แต่ยอมรับเรื่องการจัดลำดับคิวเพื่อลงเรือเป็นไปอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง พอได้ลงเรือใช้เวลาลงเรือข้ามมาฝั่งฮิโรชิม่า แค่ไม่ถึง 10 นาที  หลังจากนั้นก็ได้ปั่นเพื่อเข้าเส้น Finish อย่างชิลๆ กัน ระหว่างทางก็มีปั่นผ่านบริเวณท่าเรือ และมีผ่านโรงแรมจักรยานยอดนิยมฝั่งโอโนมิจิ อย่าง โรงแรม U2 ให้สายโซเชียลชอบเช็คอินได้จอดแวะกันได้ด้วย ภายในมีทั้งร้านจักรยาน ร้านขนมและคาเฟ่

ปั่นมาถึงบริเวณจุด Finish ถึงจะใช้เวลาปั่นนาน ตามคอนเส็ปสายชิล แต่ก็ยังมีอาหารอร่อยให้เลือกกินได้แบบไม่อั้นเลย ประทับใจการต้อนรับนักปั่น ด้วยการทำอาหารร้อนๆ และเป็นอาหารขึ้นชื่อของฮิโรชิม่า อย่างยากิโซบะสไตล์ฮิโรชิม่ามากๆ ทำได้อร่อย และกำลังร้อนๆ ยากิโซบะของที่นี่จะมีไข่โปะและราดด้วยซ้อสเยิ้มๆ และที่อร่อยมาก เพราะนั่งทานอาหารสุดชิลริมทะเล แค่มองวิวข้างหน้า และอากาศหนาวๆ แค่ไม่ถึง 15 องศา ก็ฟินมากมายแล้ว  ที่งานมีการจัดวางเก้าอี้เพื่อให้นักปั่นหันหน้าเข้าชื่นชมวิวทะเลตอนทานอาหารหลังปั่นด้วย และมีการแสดงตีกลองที่เป็นเอกลักษณ์ให้นักปั่นชม อาหารที่งานมีให้นักปั่นกินได้จนถึงคนสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยมาเลยค่ะ  ทั้งยากิโซบะที่อร่อยมาก ข้าวปั้น ขนม น้ำชา ส้มสดๆ และเดินไปขอเพิ่มได้ตลอด เจ้าหน้าที่ประจำโต๊ะก็หยิบให้ด้วยความเต็มใจ ทำไมเอ๋ถึงรู้ เพราะว่ามานั่งซึมซับบรรยากาศฝั่ง Finish ตั้งแต่ปั่นจบจนงานเริ่มทยอยเก็บของกันเลยน่ะสิคะ ฮ่าๆๆ  ไม่ใช่อะไรนะคะ เหมือนที่บอกไปหลายรอบแล้วว่า มาปั่นต่างแดนต้องปั่นให้คุ้มค่าน่ะสิคะอิอิ

 

ลืมบอกไปปั่นจบที่งานนี้ จะมี Certificate จากงานให้ด้วย ก็จะเป็นกระดาษที่พิมพ์ชื่อของแต่ละคน ระยะทางที่ปั่นจบให้ด้วย ให้ได้เอามาใส่กรอบเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ อีกงานปั่นที่น่าไปที่สุดอีกงาน และอีกสองปีเราคงได้เจอกันอีกกับระยะทาง 140 กิโล ที่ใครๆ ได้ไปลองมารอบนี้บอกว่าทั้งสวยโหดที่สุด โอเคพบกันใหม่นะ Cycling Shimanami 2020

November 27, 2018 cyclinghub 0 Comment