
คุณว่าอะไรที่ทำให้จักรยานดูเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากการออกกำลังกายอื่นๆอย่างชัดเจน? ติ๊กต่อกๆๆ ไม่ใช่เพราะนักปั่นใส่ชุดรัดเป้า โชว์ห่อหมกนะครับ แต่คนขี่จักรยาน มีความเป็นกิจกรรมเชิงสังคมมากกว่า
เพื่อนๆนักวิ่ง นักตีแบดฯอย่าเพิ่งตั้งคอรอเถียงครับ มารอฟังกันก่อน
จักรยานนั้นแรกเริ่มเดิมที่ ที่ยุโรป พัฒนาตัวเองมาจากการเป็นพาหนะ ของเล่นเพื่อการสัญจรที่สะดวกสบาย ไวกว่าเดิน เหนื่อยน้อยกว่ารถไถ มันเป็นของใช้ของสังคมคนมเงินครับ ดังนั้น เมื่อวันอากาศด แดดออกแผ่อากาศอุ่นไอออกมายังพื้นแผ่นดิน ก็จะได้เห็นสุภาพบุรษและเลดี้แหม่มใส่หมวกทรงสูง กางร่มกระโปรงบานออกมาปั่นจักรยานสวนกันไปมาในเมือง และกลายเป็นหนึ่งใในความ”จ๊าบ” ของยุควิคตอเรีย จากจุดเริ่มต้นแบบนั้น ทำให้จักรยานยังคงเป็นวิถีของกิจกรรมที่มีตวามเป็นสังคมทแทรกอยู่เสมอๆ
กระทั่งการแข่งจักรยานแบบนักกีฬาอาชีพเองก็ตาม พวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันบนถนนเนิ่นนานหลาชั่วโมง และสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆกันอย่างผ่อนคลายกว่าที่คุณนึกคิดมาก โดยเฉพาะช่วงกลางของการแข่งขันที่เกมส์การแข่งไม่ได้เร่าร้อน แทบจะเรียกได้ว่าปล่อยให้เพื่อนทำงานไปก่อน พวกเราขี่ไปคุยไปพอได้ผ่อนคลายกันเลยทีเดียว
ยังไม่นับวัฒนธรรมของสังคมนักปั่นที่สามารถพบปะ พูดจา ทักทายกันได้ง่ายๆเพียงมีจักรยานเป็นสื่อกลาง ในต่างประเทศ เพียงปั่นจักรยานสวนกัน แซงกัน นักปั่นจะยกมือทักทาย ส่งเสียงสวัสดี อรุณสวัสดิ์ กันอย่างมีมิตรไมตรี
ดังนั้นอ่าได้แปลกใจว่า จักรยานกลายเป็นอีกกิจกรรมที่คนในครอบครัว และผองเพื่อนสามารถมาร่วมสนุกไปด้วยกันได้อย่างอบอุ่น การกำเนิดของเส้นทางปั่นจักรยาน หรือถนนเงียบไร้รถยนต์คุกคาม กลายเป็นสโมสรอันไร้ขอบเขตของสังคมคนบนสองล้อ ที่น้อยคนจะปฏิเสธเมื่อได้มีเวลาขึ้นมาโลดแล่นให้หัวใจได้สูบฉีด เขยื้อนให้เหงื่อซึมไปพร้อมกับการสนทนาแบบที่แม้ต้องตะโกนคุยกันบ้าง เงี่ยหูฟังเสียงแทรกเสียงลมไปบ้าง แต่มันก็รู้สึกใกล้ชิดกันมากกว่าปกติอย่างที่บอกเหตผลไม่ได้
ต้องลองดูสักครั้ง กับเวลาของครอบครัวนักปั่น เมื่อมีโอกาสเชิญชวน พ่อ แม่ ญาติ ลูก เมีย หาจักรยานที่ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องสุดซิ่ง แต่สามารถพาให้อาณาเขตของรั้วบ้านคุณกว้างขึ้นสุดสายตา ในห้องนั่งเล่นที่มีฟ้าแทนเพดาน มีปลายทางด้านหน้าแทนจอทีวี และลมเอื่อยๆที่ไหลผ่านไปรอบตัว