โอลิมปิค อาจดูไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับ Grand Tour และ World Championship ในสายตาของคอจักรยาน แต่หากติดตามกันให้ใกล้ชิด การแข่งเสือหมอบในโอลิมปิคนั้น ร้อนแรงและดุเดือดไม่แพ้การแข่งจักรยานรายการโปรทัวร์อื่นๆเลย แน่นอนว่า ตัวนักปั่นระดับโลกก็มากันอย่างแน่นไปหมด เรียกว่าแทบทุกตัวโหดในโปรทัวร์ก็ต่างมาเจอกันในรายการนี้ ในนามของทีมชาติ แทนที่จะเป็นทีมอาชีพที่สังกัดอยู่ รูปแบบจึงคล้ายกับ World Championship นั่นเอง และในปีหน้า 2020 ที่กรุงโตเกียว นอกจากจะเป็นอีกครั้งที่โอลิมปิค เวียนเข้ามาใกล้ตัวเรามาก จัดสรรเวลาชมได้ไม่ยาก แถมในรอบนี้ ทีมชาติไทยเรายังมีลุ้นส่งทีมเสือหมอบไปแข่งได้มากกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งเสือหมอบชายที่มีลุ้นไปลุยในครั้งนี้ และทีมเสือหมอบหญิงที่กำลังก้าวขึ้นมาสู่จุดที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า เรา มีโควต้าไปร่วมได้ 3 ที่!!

การคัดเลือกเข้าร่วมโอลิมปิคนั้นมีเกณฑ์ในการพิจารณาต่างๆ โดยอิงจากแต้มสะสมที่ได้จากการแข่งรายการโปรทัวร์เป็นหลัก มีทั้งการพิจารณาจากแต้มสะสมส่วนตัวของนักกีฬาแต่ละคน กับแต้มของประเทศดังนั้นในปีนี้ ฟอร์มสุดยอดของ จุฑาธิ มณีพันธ์ สปรินท์เตอร์อันดับต้นๆของเสือหมอบหญิงเอเชียของเรา เก็บแต้มจากรองแชมป์ ทัวร์ออฟไทยแลนด์มาได้เมื่อต้นเดือนเมษายน ต่อด้วยรองแชมป์ทัวร์ใหญ่ที่นักปั่นอาชีพของโลกมากันเต็มไปหมด ทัวร์ออฟจงหมิง (ผู้ชนะเป็นโปรทีมดังของดลก เราคว้าอันดับสองเวลารวมมาได้อย่างสุดฮือฮา) ล่าสุด คว้าแชมป์ ทัวร์ออฟตราด แบบคลาสสิค กับรองแชมป์ ทัวร์ออฟตราด ส่งผลให้แต้มสะสมของ”เจ้าบีซ” ณ ตอนนี้ พุ่งขึ้นไปอันดับ 28 ของโลกในตารางสะสมคะแนน UCI ของนักปั่นเสือหมอบหญิง (แซนด์วิชอยู่กับโปรทีมซันเว็บอันดับที่ 27 และ 29)

นักกีฬาที่สะสมคะแนน UCI 1-100 อันดับแรกจะได้เข้าแข่งโอลิมปิคเกมส์โดยอัตโนมัติ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ จุฑาธิป ของเราอยู่ในที่นั่งรอขึ้นเครื่องบินไปโตเกียวแล้ว แต่ กีฬาจักรยานนั้นเป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีม มีการช่วยและสนับสนุนกันในทีม การที่เธอได้ไปคนเดียว ถือเป็นงานที่ยากลำบากอย่างมาก จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทีมไปด้วย ซึ่งชาติมหาอำนาจทางจักรยานนั้น มีนักกีฬาได้โควต้าไปแข่งถึง 4 คน ทั้งจากโควต้าประเทศและแต้มสะสมของพวกนักปั่นเอง ซึ่งแต้มสะสมของประเทศจะเป็นตัวบังคับว่าแต่ละชาติจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมได้ไม่เกินกี่คน

ประเทศที่สะสมแต้มได้อันดับ 1-5 จะได้ที่นั่งลงแข่ง 4 ที่ และถือเป็นจำนวนมากที่สุดต่อหนึ่งทีมที่จะลงแข่งได้ ณ เวลานี้ 5 ประเทศที่ทำคะแนนได้สูงสุดคือ เนเธอแลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และ เบลเยียม ซึ่งมีทีมอาชีพชั้นนำแข่งขันอยู่ในโปรทัวร์หญิงยุปโรป รวมถึงนักกีฬาในโปรทีมที่แข่งในยุโรปมากมายทั้งสิ้นจึงมีแต้มสะสมล้นหลาม อย่างเนเธอแลนด์นั้นมีแต้มสะสมของประเทศ3821 แต้มเลยทีเดียว ในขณะที่ไทยเรามีแต้มสะสมอยู่ 666 แต้ม อยู่อันดับที่ 10 ของโลก (ตามหลังสหรัฐอเมริกา นำหน้าสเปน) ทำให้ ณ เวลานี้หากตัดตามเกณฑ์ในการคัดเลือก เราจะมีโควต้าส่งนักกีฬาไปได้ไม่เกิน 3 ที่ (ประเทศที่มีคะแนนสะสมอันดับที่ 6-13 ส่งแข่งได้ 3 คน) โดยสามที่นี้รวมเจ้าบีซซึ่งมีแต้มสะสมส่วนตัวได้ตั๋วไปร่วมแล้ว ดังนั้น 2 ที่ที่เพิ่มมานั้น เป็นโอกาสที่เราสามารถจัดทีมแข่งไปสู้เวทีใหญ่นี้ได้ ถึงแม้ว่า แต้มสะสมส่วนตัวของนักกีฬาอีก 2 คนอาจจะไม่ถึง Top 100 ของโลก (ซึ่งยากมากที่จะสะสมได้ถึงกันหลายๆคน ้องส่งไปแข่งและทำผลงานได้ดีที่ยุโรปกันเป็นทีม หรือ ส่งออกนักปั่นไทยไปปั่นโปรทีมใหญ่ในยุโรปหลายๆคน หลายๆทีม และต้องเป็นตัวทำผลงานด้วย ไม่ใช่แค่ไปเป็นตัวช่วยในทีม)

ส่วนประเทศที่ทำคะแนนสะสมไได้อันดับที่ 14-22 จะได้โควต้าไปร่วม 2 ที่นั่ง (รวมโควต้าประเทศ 1-22 ประเทศจะมีนักปั่นแล้ว 64 คน) นอกนั้นก็จะเป็นประเทศที่ทำแต้มสะสมไม่ถึงอันดับนี้แต่มีนักปั่นทำแต้มสะสมติด Top 100 ก็จะได้ไปประเทศละไม่เกิน 1 ที่นั่ง

แต้มทั้งหมดนี้ จะตัดสิ้นสุดสรุปผลกันวันที่ 27 คุลาคม ปีนี้ ซึ่งหลังจากนี้ทีมจักรยานหญิงของไทยทั้ง Thailand Women cycling Team และ ทีมชาติไทย จะต้องรักษาแต้มสำคัญทำผลงานของทีมและตนเองให้แต้มสะสมของประเทศยังอยู่อันดับไม่เกิน 13 เพื่อโควต้า 3 ที่นั่งในโตเกียว 2020 นี้

ตามเชียร์และให้กำลังใจ กับเป้าหมายใหญ่ที่ภูเขาไฟฟูจิกันนะครับ

May 28, 2019 cyclinghub 0 Comment