ลูกครึ่ง เกาหลี-ออสเตรเลีย สัญชาติ ออสเตรเลีย ที่หลายคนตั้งฉายาให้ว่า “เจ้าหนูกิมจิ” คาเล็บ ยวน วัย 25 ปี ที่สื่อต่างชาติขนานนามเขาว่า “จรวดจิ๋ว” (หมายถึง สปรินท์เตอร์ร่างเล็กนะครับไม่ใช่อะไรเล็ก) ส่วนสูงเพียง 165 ซม. น้ำหนักที่ได้จากความกำยำล่ำสัน 61 กก. ของเขา แจ้งเกิดมาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เทิร์นโปรขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ระดับเวิลด์ทัวร์ ก็ผงาดแผลงฤทธิ์จนได้รับการจับตามองว่า นี่คือสปรินท์เตอร์คนใหม่ที่จะมาแทน มาร์ค คาเว็นดิช อย่างแน่นอน ที่สำคัญ เขามีท่าสปรินท์ที่ดุดันที่สุดคนหนึ่งในดปโลตอง แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังขาดไปคือ การคว้าเสตจ ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ให้ได้ก่อนที่จะขึ้นมาอยู่บนทำเนียบนี้อย่างสมภาคภูมิ

 

“นี่ไม่น่าจะเป็นเสตจแรกของผม ผมควรทำมันได้สำเร็จก่อนหน้านี้” ประโยคที่เขาให้สัมภาษณ์เชิงตำหนิตนเองหลังจากเข้าเส้นชัย เสตจที่ 11 ของตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ระยะทาง 167 กม. หลังจากวันพัก เป็นวันเสตจทางราบอย่างเต็มที่ มีภูเขาเล็กๆให้เก็บแต้มเจ้าภูเขาเท่านั้น นอกนั้น ทั้งจุดสปรินท์และสภาพเส้นทาง วันนี้ เป็นวันแห่งความเร็วและการวัดกันหน้าเส้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อบรรดาพลพรรคทีมสปรินท์เตอร์กำลังสดกันทั้งนั้น โอกาสที่กลุ่มหนีจะไปรอดนั้นต้องแทบปิดประตู และสีสันคือการลุ้นจรวดทางเรียบใส่กันยับที่ช่วง 200 ม. สุดท้าย และก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ อีเลีย วิวีอานี่ และ ปีเตอร์ ซากาน ถูกดาวรุ่งดวงใหม่เฉือนเอาชนะเสตจไปได้สำเร็จ  แต่วันนี้ ดาวรุ่งคนนี้ คือดาวดวงใหม่ที่ทุกคนรอให้เขาฉายแสงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม จากอันดับที่เข้าเส้นกันมา ทำให้ ปีเตอร์ ซากาน ยังคงครองเสื้อเขียวด้วยคะแนน 257 แต้ม ตามมาด้วย  อีเลีย วิวีอานี่ ที่ 184 แต้ม ด้าน คาเล็บ ยวน ขยับมาอยู่อันดับที่ 5 ที่คะแนนสะสม 148 แต้ม รูปการแบบนี้ อาจมองไปว่า ซากาน น่าจะนำขาดยาวๆไปจนถึงปารีส ด้วยแผนการขี่ที่รัดกุม เก็บแต้มสะสมคุมเอาไว้ ไม่เน้นไปที่การต้องเอาชนะให้ได้ทุกๆครั้งจนกว่าจังหวะจะอำนวยที่สุด แต่ หาก วิวีอานี่ หรือ ยวน สามารถเก็บแต้มเต็มที่ได้จากการชนะเสตจอีกสัก 1-2 ครั้ง ก็จะทำให้การชิงเสื้อเขียวเป็นสิ่งที่วางใจไม่ได้เลยเช่นกัน

ส่วนกลุ่มผู้นำเวลารวมนั้น วันนี้ยังไม่มีอะไรขยนับเปลี่ยนแปลงเพราะกลุ่มใหญ่เข้ามาด้วยเวลาเดียวกัน จูเลียน อลาฟิลิปป์ ยังคงนำเวลารวมต่อไป ตามมาด้วย แกเร็นต โธมัส แชมป์เก่า ที่กำลังขยับเข้ามาเรื่อยๆในครึ่งแรกของการแข่งขัน ความเผ็ดร้อนจะพุ่งทวีขึ้นมาในเร็วๆนี้อีกอย่างแน่นอน วันี้ เสตจที่ 12 เสตจภูเขา ระยะทาง 209.5 กม. มีภูเขาระดับ Cat 1 ดักอยู่ช่วงท้ายของเสตจถึง 2 ลูก ที่สำคัญ ลูกสุดท้าย ออค์เควต ดองซิซาน ความยาว 9.9 กม. ความชันเฉลี่ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ ความสุง  1,564 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ข้ามเขาลูกนี้ไปแล้ว ดิ่งลงเขายาวๆมาถึง 20 กม. จากนั้นเป็นทางราบอีกเพียง 5 กม. ก็จะถึงเส้นชัย แบบนี้ ใครจำภาพเก่าๆบางภาพได้หรือไม่ครับ? ภาพที่ ฟรุม กระชากบนยอดเขา ดิ่งลงมาก่อน ในขณะที่ ควินทาน่า ยังคงยึกยักขยับตัวไม่ทัน วาลเวอร์เด ก็มัวแต่รอจังหวะทีม ริชชี่ พอร์ท มีคู่หู ก็ไม่ไล่เก็บทันที รอให้โมวี่สตาร์เปิด และเพียง 5 วินาทีนั้นเอง ที่ ฟรูม บินลงเขามาก่อน โดยที่กลุ่มผู้นำไม่สามารถแม้แต่จะย่นระยะเข้าไปได้

เส้นทางลงเขายาวๆแบบนี้ ลงคนเดียว จะได้เรปียบกลุ่มใหญ่มาก ดังนั้น จับตามองยอดเขาลูกสุดท้ายกันให้ดี ที่นั่น ต้องมีเรื่องราวบางอย่างรออยู่ จากนั้นวันถรุ่งนี้ เป็นไทม์ไทรอัล ต่อกันด้วย เสตจเขาหนักๆอีก 2 วันติดๆกัน  วันนี้จนถึงวันอาทิตย์ เราจะสามารถตัดตัวละครสำคัญออกไปได้แล้ว และจะได้เห็นโฉมหน้าของผู้ที่จะเป็น 1 ใน 3 ของตำแหน่งโพเดี้ยมปีนี้อย่างชัดเจน

July 18, 2019 cyclinghub 0 Comment