นักปั่นหลายๆคนพยายามซ้อมและหาทางปั่นจนก้าวข้ามขั้นจากมือใหม่มาสุ่นักปั่น ไปต่อกันที่ขาแรง และตั้งหน้าตั้งตาไปสู่การเป็นนักแข่งแนวหน้า จนเข้าใกล้คำว่า”โปร” ไปให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ชั้นของฝีเท้าและฝีมือระดับโปรได้ อะไร คือสิ่งที่แตกต่างอย่างที่สุดระหว่างนักปั่นโปรแท้ๆ กับ นักปั่นขาแรงที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกันจนยากจะเทียบเคียง

 

ซ้อมจนถึงแล้วได้พักอย่างพิเพียง

เรื่องของตารางซ้อมและการฝึกซ้อมของโปรนั้น ถูกออกแบบมาให้พวกเขาซ้อมจน”ถึง” เพื่อรีดเอาพัฒนาการออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเ)็นเรื่องกายภาพหรือการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง หากท่านได้มีโอกาสเข้าถึงคอร์สการฝึกซ้อมและตารางของพวกเขาก็จะรู้ได้ว่า มันหนักและทุกวินาทีสร้างมาเพื่อเป้าหมายข้างหน้าปานใด ในทางกลับกัน บรรดาโปรก็มีเวลาพักผ่อน การดูแลรักษาร่างกายหลังการซ้อมที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้พร้อมสำหรับวันต่อๆไปได้เต็มที่ แตกต่างจากมือสมัครเล่น ที่หลังจากซ้อมแล้ว พวกเราต้องมีหน้าที่ในชีวิตประจำวันทั้งหลายทั้งปวงรออยู่ แม้จะทำงานที่ไม่หนักมาก แต่ความเครียดสะสมก็กลายเป็นปัญหาต่อการฟื้นตัวของร่างกายได้ไม่ยาก และเมื่อร่างกายไม่ฟื้น ก็ไม่สามารถดำเนินตามแผนการฝึกที่มีได้อย่างราบรื่นนั่นเอง ดังนั้น รักจะเป็นโปร ต้องวางแผนทั้งการซ้อม และการพักให้ดี ที่สำคัญ วิถีชีวิต อาหารการกิน โปรนักปั่นนั้นได้ชื่อว่า ควบคุมทุกๆอย่างที่จะเอาเข้าปากไปเพื่อชัยชนะและความสำเร็จในการแข่งขันเท่านั้น

 

ประสบการณ์ที่ลับมาจนคมกริบจากทุกกิดลเมตร

สำหรับมือสมัครเล่น ในปีๆหนึ่ง จะได้ลงแข่งสักกี่รายการ นี่คือคำถามที่เราเห็นข้อแตกต่างของโปรกับมือสมัครเล่นได้อย่างดีที่สุด เพราะในการแข่งขันยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ ทุกๆครั้งที่ลงแข่ง นักปั่นก็จะได้ลับคมของตนเองมากขึ้น ยิ่งผ่านสมรภูมิมากเท่าไหร่ ดาบ ง้าว ก็ยิ่งคม ดังนั้น การแข่งขัน 50 รายการต่อปี เทียบไม่ได้เลยกับการแข่งขันรวมแล้วกว่า 100 วันของโปรนักแข่ง บางคนอาจมากถึงเกือบๆ 200 วันเลยด้วยซ้ำ เห็นอย่างนี้แล้ว ไม่่าจะเรื่องความเก๋า หรือความเหนียว คงไม่ต้องบอกว่า เขี้ยวของโปรนั้น ลากดินกันขนาดไหน

 

ทักษะที่มีติดตัวอย่างครบเครื่อง

โปรนักแข่งเกือบทั้งหมด ไม่ได้ขี่แต่เสือหมอบอย่างเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ช่วงเยาวชน นักปั่นอาชีพจำนวนไม่น้อยเลยที่ผ่านการแข่งขันเสือภูเขา หรือรถลุ่มาอย่างดชกโชน โปรชั้นนำหลายๆคนก็ผ่านความสำเร็จของจักรยานประเภทอืื่นๆมาก่อนจะก้าวสู่โปรเสือหมอบ ทั้งหมดนี้ ทำให้พวกเขาพร้อมไปด้วยทักษะหลายๆอย่างที่นักปั่นสมัครเล่นที่เข้ามาขี่เสือหมอบอย่างเดียวอย่างมาก แน่นอนว่า คุณอาจไปถึงดวงดาวได้โดยไม่ต้องไปลองจักรยานประเภทอื่น แต่ลองมองดูนักปั่นยุโรปที่หน้าหนาวพวกเขาเขาเวโลโดรม หรือลุยสนามโคลนกันแล้ว อย่าแปลกใจว่าทักษะการขี่ของพวกเขาจะยอดเยี่ยมชนิดที่ได้แต่มอง

December 13, 2019 cyclinghub 0 Comment