คงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณกันให้เยอะและเป็นการเสียเสลานะครับสำหรับ Apple Watch  ที่เกือบทุกคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว ด้วยความเป็นแบรนด์อุปกรณ์ไอทียักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก และเข้ามาจับตลาดนาฬิกาอัจฉรียะอย่างเต็มตัว จนในที่สุดพวกเขาก็พยายามส่งเอาฟีเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและการออกกำลังกายมาด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้นาฬิกาในกลุ่มนี้ ถูกนำไปมองเปรียบเทียบกับ Sport Watch  ที่เริ่มมีความสามารถใกล้เคียงกัน แต่คำถามก็คือ มันพร้อมเพียงแค่ไหน หากเราจะนำมาใช้ในมุมคนปั่นจักรยาน ที่สำคัญที่สุด วันนี้ ผมจะบอกว่า ใคร ที่เหมาะจะใช้ Apple Watch  เป็นอุปกรณ์หลักในการขี่จักรยาน

เริ่มกันด้วยสรรพคุณพื้นฐาน พอสังเขปสำหรับคนที่กำลังสนใจในนาฬิกายี่ห้อนี้นะครับ ใครที่รู้อยู่แล้วแนะนำว่า ข้ามไปอ่านย่อหน้าถัดไปได้เลย Apple Watch ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ WatchOS (ขณะที่ทดสอบเป็น WatchOS 7) สามารถทำงานร่วมกับระบบของ Apple  ได้อย่างสมบูรณ์แบบ หน้าจอแบบทัชสกรีน เริ่มตั้งแต่ 38 มิลลิเมตรไปจนถึง 45 มิลลิเมตร วัสดุมีให้เลือกตั้งแต่เหล็กไร้สนิม อะลูมีนั่ม และ ไทเทเนียม ควบคุมการทำงานด้วยจอสัมผัสบวกกับสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri  ปัญญาประดิษฐ์ของค่าย Apple  มีเซ็นเซอร์ตรวจจับชีพจรเป็นตัวพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจจับปริมาณอ็อกซิเจนในเลือด, คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดจังหวะ และ กลูโคสในเลือด (มาในรุ่นบนๆเท่านั้นนะครับ) โดยรับสัญญาณดาวเทียม และสื่อสารกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ผ่าน wifi  และ Bluetooth (มีรุ่นที่ใส่ซิมรับสัญญาณ 4G ได้) รวมถึงรองรับแอปพลิเคชั่นต่างๆเช่น Strava, Map My Ride  และ  แอปพลิเคชั่นชนิดอื่นๆมากมาย

เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งแอนดรอยด์และแอ็ปเปิ้ล อย่างไรก็ตาม จะทำงานได้เต็มคุณสมบัติกับระบบในบ้านตัวเองเท่านั้น (การสั่งงาน การควบคุม และการแจ้งเตือน) ข้อมุลทั้งหมดทำการเชื่อมส่งเข้าสู่แอปพลิเคชั่น Apple Health ซึ่งเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสุขภาพของเรา นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆได้ เพื่อส่งและแลกเปลี่ยนข้อมุลกัน เช่น Garmin Connect, Suunto, Wahoo, Strava และ  Trainingpeaks

การใช้งานนาฬิกานี้เมื่อออกกำลังกาย มีทางเลือกสองทางได้แก่ เลือกใช้แอปพลิเคชั่นที่รองรับเช่น Strava หรือ Map My Ride  ที่ติดตั้งลงในนาฬิกา ซึ่งเราจะไม่ขอกล่าวถึงในรายละเอียดนะครับ แต่จะเน้นไปที่อีกวิธี ได้แก่ การใช้แอปพลิเคชั่น Workout ของ Apple  เป็นหลัก โดยแอปพลิเคชั่นนี้ จะทำการบันทึกระยะทาง ความเร็ว ระยะเวลา และ ระยะไต่ เก็บเอาไว้ สามารถเริ่มและหยุดได้เองเมื่อเราหยุดพัก (Auto Pause) รวมทั้ง แสดงค่าชีพจรขณะออกกำลังกายบนหน้าจอนาฬิกาได้ จากตัววัดชีพจรที่ข้อมือ เราสมารถเลือข้อมูลที่ต้องการแสดงได้ค่อนข้างครอบคลุม ทั้งความเร็วเฉลี่ย ไปจนความเร็วสูงสุด แต่แน่นอนครับว่า มันไม่สามารถแสดงรอบขา หรือค่ากำลังวัตต์ได้ และข้อมูลที่ได้ทั้งหมด ไม่สามารถทำการส่งออกไปยังไมล์จักรยานใดๆเพื่อใช้เป็นสายรัดชีพจรได้ (สามารถส่งไปหาแอปพลิเคชั่น Zwift เพื่อเล่นออนไลน์และแสดงชีพจรบนนั้นได้เท่านั้น) สรุปว่า เป็นระบบที่จบในตัวของเค้าเองครับ

ความทนของแบตเตอรี่ ใช้งานปั่นจัรกยานได้ราว 6-9 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าต่างๆด้วย) ส่วนการใช้างนนาฬิกาปกติ ใช้งานได้ราว 20-30 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าเช่นกัน (ในการทดลองผมสามารถใช้ได้เกือบ 30  ชั่วโมง หรือ เช้าชาร์จเต็ม อยู่ได้ถึงเที่ยงของอีกวันหนึ่ง) การเชื่อมข้อมูลกับสมาร์ทโฟน ทำได้แทบจะตลอดเวลา โดยสามารถบอกรายละเอียดทางด้านสุขภาพได้มากพอสมควรเช่น นับก้าวเดิน, การยืน, นับวิลาที่ออกกำลังกาย และติดตามการนอน อย่างไรก็ตาม ยังขาดรายละเอียดอีกหลายๆตัวเช่น การพลังงานของร่างกายที่ค่ายอื่นสามารถบอกได้ หรือ การเก็บค่าการออกกำลังกายแล้วนำมาประมวลเป็นแนวโน้มของตัวเรา เทียบกับความล้าและความสดที่สะสมเอาไว้

ดังนั้น พอจะสรุปกันได้ว่า สำหรับ Apple Watch ไม่ว่าจะซีรีส์ไหนๆก็ตาม ทำงานเป็นนาฬิกาเพื่อสุขภาพไปจนถึงระดับกีฬาได้ “ในระดับหนึ่ง” เท่านั้น ไม่สามารถลงลึกไปถึงข้อมูล และการวิเคราะห์ที่คนซึ่งมองหาตัวเลขสำคัญเพื่อทิศทางการพัฒนาและวางแผนการฝึกซ้อมได้ โดยเฉพาะสำหรับนักปั่นแล้ว การที่ไม่สามารถรับข้อุลรอบขามาได้นั้น อาจจะเรียกว่าขาดค่าสำคัญไปอีกอย่างนึงเลยทีเดียว (วัตต์ก็เช่นกัน แต่คงไม่วช่ค่าพื้นฐานสำหรับทุกๆคน) ทางด้านการทำงานของแอปพลิเคชั่นนั้น แม้ว่าจะทำได้แลาด รวดเร็ว และไม่มีอาการเอ๋อให้ได้เห็น เชื่อมต่อได้ไวที่สุดในทุกๆค่ายที่เราได้จับมา แต่ ข้อมูลที่ไม่ได้ลงลึกเท่าไหร่ ก็ยังคงเป็นคำถามว่า เมื่อคุณมองหาค่าสำคัญบางค่าเช่น Training Stress Score  ก็จะไม่สามารถหาได้ (Training Load) และแน่นอนว่า ไม่สามารถแนะนำได้ว่า วันนี้ควรจะปั่นอะไร อย่างไร หรือ ควรจะพักนานเท่าไหร่หลังปั่นเสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม ตัวแอปพลิเคชั่นสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆได้เป็นอย่างดี (หรือคุณจะใช้แอปพลิเคชั่นอื่นในนาฬิกาแทนไปเลยก็ได้) ไม่ว่าคุณจะส่งข้อมูลจาก Garmin  เข้ามาให้  Apple  หรือ และเปลี่ยนข้อมุลระหว่าง Apple  กับ  Strava  ก็ทำได้ดังนั้นการใช้งานที่ต้องการสังคมออนไลน์ เก็บข้อมุลเส้นทาง วันที่ และการปั่นก็ทำได้ดีน่าพอใจ แม้ว่า การสืบค้นย้อนหลัง จะทำได้ง่ายสู้พวกแบรนด์สายกีฬาไม่ได้

ทีนี้มาดูกันครับว่า รู้สรรพคุณใช้งานกันแล้ว นาฬิกานี้เหมาะกับใคร เพราะ ผมบอกไว้เลยว่า มีคนกลุ่มหนึ่งที่จะชอบอย่างแน่นอน

ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการปั่นจักรยานครับ สำหรับคนที่ปั่นจัรยานออกกำลังกายสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รวมไม่เกิน 4 ชั่วโมง ผสมกับการออกกำลังอื่นๆบ้าง ไม่ได้ต้องการมองหาแนวทางการฝึกซ้อมเพื่อไปแข่งขัน หรือต้องเก็บสถิติไปส่งให้ใครดู เจ้า Apple Watch  ตอบสนองได้อย่างเกินพอครับ อายุของแบตเตอรี่ที่ว่าสั้นๆนั้น เอาเขา้จริง ก็คงไม่มีคนกลุ่มนี้จะไปปั่นจักรยาน 300 กิโลเมตรหรอก ถูกมั้ยครับ? รวมไปถึงการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ที่แม้ว่าตัวแอปพลิเคชั่นเค้าไม่ได้ตอบโจทย์ได้เต็มๆ แต่ ก็มีแอปพลิเคชั่นนอกค่าย ที่เขามาทำงานร่วมกันได้อย่างดี แน่นอนว่าไม่ได้ลึกมากเท่าแอปพลิเคชั่นปั่นจักรยานแท้ๆ แต่ก็พอเพียงสำหรับชีวิตแอ็คทีฟทั่วไป

หลายคนคงถามว่า ราคาขนาดนี้ ซื้อไมล์อันละพันสองก็ได้สินะ ต้องบอกว่า ราคาคา่ตัวของมัน มีตั้งแต่ราว 7,000 บาทขึ้นไป และราคามือสองก็ตกพอสมควรเลย(ไม่น่าเชื่อแต่จริงครับ สามพันกว่าก็หาได้)  โดยที่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความ Smart ในแบบที่จัดเต็มมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ใช้โทรศัพท์ค่าย iPhone   ซึ่งคุณจะไม่มีทางได้ประสบการณ์นี้จากนาฬิกาค่ายไหนอีกเลย แม้กระทั่งสมาร์ทวอทช์ของค่ายสายกีฬาแท้ๆเอง ที่ออกกำลังกายได้ดีกว่า แต่เทียบไม่ติดด้านความแลาด นั่นคือหัวใจหลักของมันครับ

สรุปกันตอนท้ายเลยว่า คนที่ชื่นชอบใช้อุปกรณ์และชีวิตแบบสมาร์ท ที่มีความแอ็คทีฟในตัว เล่นกิจกรรมออกกำลังกายเยอะ แต่ไม่ได้มองหาอะไรที่ลงลึกมากนัก (จริงๆมีเยอะกว่าคนปั่นจริงจังด้วยซ้ำ) คุณอาจมี Apple Watch อยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องซื้อไมล์จักรยานหรือนาฬิกาออกกำลังกายมาสลับใช้งานเลยก็ได้ หรือถ้าคุณตั้งใจจะมองหานาฬิกานี้อยู่แล้ว และปั่นจักรยานสนุกสนานตามที่กล่าวมา แทนที่คุณจะต้องเจียดเงิน 4-5,000  บาทไว้เ)็นค่าไมล์ คุณเอาไปทำอย่างอื่นกับจัรกยานได้อะไรมากกว่า คุ้มกว่าแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มารอดูกันว่า เมื่อมีการอัพเดท WatchOS  ใหม่ที่กำลังจะออก ซึ่ง Apple  บอกว่า คราวนี้ กีฬาจักรยานจะเป็นกลุ่มทีดไ้รับการอัพเดทมากที่สุด ว่าเขาจะเพิ่ม พัฒนา หรือปรับปรุงอะไรให้เราบ้าง และ จะเป็นการยกให้ตลาด Smart+Sport Wearable  ต้องสั่นคลอนหรือไม่

September 22, 2021 cyclinghub 0 Comment