ในบรรดาเทคโนโลยีจักรยานที่เข้ามาอยู่ในระดับ”โปร” และสูงสุดในตอนนี้หนึ่งในนั้นคือเพียร์ไฟฟ้า ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในทันทีที่เปิดตัวออกมาเมื่อสิบปีที่แล้ว และตั้งแต่วันนั้นจนถึงเวลานี้ เกียร์ไฟฟ้าได้เดินทางมาจนถึงจุดที่สมดุลย์ระหว่าง”คุณภาพ”และ”ราคา” เข้าสู่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดช่วงหนึ่ง เนื่องจากในการแข่งขันกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ พวกเขาแข่งกันพัฒนาฟีเจอร์ และ ความสามารถใหม่ๆของเกียร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆออกมา ทั้งค่าย Shimano, Campagnolo และ Sram ในขณะที่ตัวท็อปพากันแข่งกัน”เก่ง” ขึ้นเรื่อยๆ ระบบการทำงานของมันก็เข้าสู่จุดที่”เสถียร”แล้วด้วยนั่นเอง ตั้งแต่ Shimano Di2 รุ่นแรกที่ออกมา จนถึงรุ่นล่าสุด ในที่สุดพวกเขา(นักออกแบบและวิศวกร) พัฒนาจากระบบแบตเตอรี่เดิม มาสู่รุ่นล่าสุด โดยที่ใส่เอาความสามารถเก่งๆเข้าไปเพิ่ม แต่ก็ได้พัฒนาความเสถียรของการทำงานในการออกแบบระบบที่ตอบสนองและทำงานได้อย่างมั่นคงด้วย

 

ในอีกด้านหนึ่ง Campagnolo EPS อาตาจเปิดตัวซีรีส์แรกออกมาได้ไม่สวยนักเมื่อการทำงานของมันไม่ถูกใจกับความต้องการของการแข่งขัน แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดที่พวกเขาได้พัฒนาให้มันทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้วในเวลานี้ ส่วนค่าย Sram เปิดตัวมาด้วยนวัตกรรมการออกแบบใหม่ และก้าวข้ามมันไปอีกขั้นในรุ่นปัจจุบัน และแน่นอนว่า ระบบไร้สายของพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่ามันทำงานได้จริง โดยปัญหาต่างๆที่ผู้คนตั้งคำถาม ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการใช้งานในระดับโปรทัวร์แม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็แปลว่าเกียร์ไฟฟ้านี่แหละ เป็นทางออกที่อนาคจักรยานในระดับสุงสุดต้องเดินไปอย่างแน่นอน แต่ ช้าก่อน ในตลาดทั่วไปล่ะ? มันกำลังก้าวสู่ขั้นตอนไหนในเส้นทางเดินนี้

ปัญหาหนึ่งที่ทำให้เกียร์ไฟฟ้าไม่สามารถเดินไปได้ในปัจจุบันคือราคาของมันจัดว่าสูงกว่ารุ่นปกติมา หากเทียบแล้ว คุณสามารถจ่ายเงินเพื่อจับต้องสมรรถนะที่สุงกว่านั้นได้โดยไม่เป็นระบบไฟฟ้า เช่น Shimano Ultegra Di2 และ Dura Ace ปกติ ที่คุณสามารถได้เกียร์รุ่นท็อปมาในค่าตัวที่ย่อมกว่าซื้อเกียร์ไฟฟ้ารุ่นรองด้วยซ้ำ แต่เชื่อหรือไม่ว่า Ultegra Di2 นี่แหละ คือเกียร์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด และ ทำลายสถิติการจำหน่าย Ultegra ที่เคยเป็นมา เนื่องจากมันมีระบบการทำงานที่แทบไม่แตกต่างอะไรกับรุ่นท็อปเลย ชิ้นส่วนหลายๆชิ้นในระบบไฟฟ้าใช้ชิ้นส่วนเดียวกัน แตกต่างเพียงวัสดุโลหะต่างๆและรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้น จนถึงขั้นว่า Shimano ลังเลในการเดินหน้าสู่ 105 Di2 เพราะพวกเขาได้ส่งเอาชุดเกียร์ Ultegra Di2 ที่ประสบควาสำเร็จมากออกมาแล้ว หากส่ง 105 Di2 พวกเขาต้องหาทาง”ลดต้นทุน” เพื่อให้มันทำราคาได้ถูกลงมาในที่ว่างของตำแหน่งราคาที่ดีได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกำแพงที่ยังไม่สำเร็จโดยทีไม่ต้องขยับ Ultegra Di2 ขึ้นไปอีกนิด

 

และนี่เองคือที่มาของความ “สุดคุ้ม” ในเวลานี้  ในเวลาที่ตลาดมือสอง เราสามารถหาชุดอัพเกรด Ultegra Di2 68xx ได้ในราคาที่ต่ำมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ราคาราว 10,000-15,000 บาท คุณสามารถจัดเอาเกียร์ไฟฟ้ามาอัพเกรดให้จักรยานคุณได้แล้ว โดยที่สมรรถนะของมัน เปี่ยมไปด้วยความสามารถที่ทำงานได้ดีไม่แตกต่างกับเกียร์ของระดับโปร ซึ่งถ้ามองกันให้ไกลขึ้นอีก คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้แบตเตรี่ของซีรีส์ล่าสุด (91xx)  เพื่อใช้ระบบ Syncronize Shifting (หรือการทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ) ต่อได้อีกในราคาที่ไม่แพงไปกว่ารองเท้าจักรยานนัก

ไม่ว่าคุณจะใช้ Ultegra, 105 หรือแม้แต่ Tiagra คุณสามารถหาชิ้นส่วนไฟฟ้าที่มีมาเรื่อยๆในตลาดมือสอง ตั้งแต่ Dura Ace Di2 10sp ชุดละหมื่น และ Ultegra Di2 มือสองในราคาที่เราเล่าในวันนี้ มิหนำซ้ำ ในเวลาที่รุ่นท็อปกำลังจะเปลี่ยนใหม่ ระบบเกียร์จักรยานกำลังจะก้าวไปสู่ 12 เฟือง ชิ้นส่วน 11 เฟืองต่างๆก็กำลังจะเข้ามาสุ่ตลาดมือสองอีกมากมาย และเป็นไปได้ว่ามันจะทำให้ชุดไฟฟ้ามือสองราคาลงมาอีกนิดหน่อย และวินาทีนั้นแหละ คือจังหวะทองที่คุณสามารถใช้เทคโนโลยีระดับโปรได้สบายๆ ในราคาไม่หนักหนา และอยุ่ต่อไปได้อีก 2-3 ปี (ถ้าไม่คัน) อย่างหายห่วง

 

สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อชุดเกียร์ไฟฟ้ามือสองนั้น มีอยู่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างมากเลยสำหรับการเลือกซื้อชุดเกียร์มือสอง  สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการตรวจสอบตัวบอดี้ของตีนผีและสับจานให้ดี ว่ายังแข็งแรง ปิดสนิท กันน้ำได้หรือไม่ รวมถึงทดลองเสียบสายไฟเพื่อดูว่าระบบยังทำงานได้ปกติแค่ไหน และสุดท้ายคือ ดูสภาพของแบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นหัวใจของชุดเกียร์ไฟฟ้าว่าสภาพบวม หรือมีความผิดปกติหรือเปล่า ข้อดีหนึ่งของแบตเตอรี่ Di2 คือ ในอายุการใช้งานปกตินั้นปีหนึ่งๆชาร์จไฟเพียง 2-65 ครั้งเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับคนปั่น) มันมีอายุการใช้งานต่อการชาร์จไฟที่เหลือเฟือ ทำให้แบตเตอรี่ซึ่งมีอายุในการอัดประจำจำกัด ใช้งานได้นานกว่าอายุของจักรยานที่มีด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม มีจำนวนน้อยซึ่งพบปัญหาแบตเตอรี่เสื่อหรือเสียหาย จากความผิดพลาดอื่นๆ (ปัญหาลัดวงจรหรือการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม) ซึ่งนอกจากมันไม่สมารถเก็บประจุได้ มันยังทำให้การทำงานของเกียร์ไม่สามารถทำได้อีกด้วย เพราะ ระบบของ Di2 ตัวชุดข้อมูลคำสั่งถูกเก็บเอาไว้ที่แบตเตอรี่นี่เอง

 

อีกประการที่คุณต้องตรวจสอบคือตัวเฟรมรองรับการติดตั้งเกียร์ไฟฟ้าหรือไม่ อันดับแรกคือเฟรมต้องมีจุดติดตั้งแบตเตอรี่ภายนอก (หากใช้ชุดไฟฟ้าที่เป็นแบบแบตฯนอก) หรือ ท่อนั่งต้องสามารถใส่แบตเตอรี่เข้าไปได้ (ซึ่งท่อนั่งโดยทั่วไปไม่มีปัญหายกเว้นรถบางรุ่นที่ท่อนั่งเล็กมากๆ) นอกจากนั้น ตรวจสอบว่าเฟรมสามารถเดินสายภายในได้ เพื่อให้สายไฟวิ่งอยู่ภายในเฟรมได้อย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ซีเรียสคุณสามรถ”เจาะ” เฟรมเพื่อเดินสายภยในและเก็บงานให้เนียนได้อย่างไม่ยาก อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับเฟรมแต่ละตัวด้วยแล้วล่ะครับ ว่าจะต้องเจาะ คว้าน มากแค่ไหน

ในภาพตัวอย่างที่นำมานี้ คือเฟรม Colnago A1-r เฟรมอลูมินั่มที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานกับเกียร์ไฟฟ้าแลยตั้งแต่แรก แต่เมื่อเราได้ชุดอัพเกรด Ultegra Di2 6850 มือสองมาในราคาที่ถูกสุดคุ้ม จึงนำมาผสมกับชุดขับเคลื่อน 105 ที่ติดรถเดิมแบบไม่ยาก โดยที่ระบบสายไฟ และแบตเตอรี่อยู่ภายในทั้งหมดตามการติดตั้งมาตรฐานของ Di2 ที่สำคัญ เฟรมถูกเจาะรูเล็กๆที่จุดติดตั้งสับจาน เพื่อให้สายไฟออกมาต่อได้เท่านั้น นอกนั้น สายไฟ ใช้ช่องทางปกติของการเดินสายได้ทั้งหมด เมื่อทำการอุดจุกยางให้เรียบร้อย รับรองว่า หากคุณไม่รู็จักมาก่อน คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เฟรมนี้ถูกทำการ”โมดิฟาย” มาติดตั้งเกียร์ไฟฟ้า ที่สำคัญ รวมราคาจักรยานทั้งคันที่ลดล้าสงสต็อค และขายชุดขับเคลื่อน 105 เดิมออกไปในสภาพใหม่ถอดรถ เสือหมอบไฟฟ้า แบรนด์เฟี้ยวคันนี้ มีราคาค่าตัวไม่ถึงครึ่งแสน (ไม่นับเบาะและบันไดในภาพ)

ซึ่งแน่นอนว่า เสือหมอบทั่วไปในตลาดก็สามารถทำเช่นนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณครอบครองหรือไปเจอรถมือสองสภาพสวยๆ คุณก็สามารถปั่นและใช้เทคโนโลยีของโปรได้ในงบประมาณเพียง 30,000 ได้อย่างไม่ลำบาก!! เพราะในการหาข้อมุล เราได้พบว่าเสือหมอบอลูมินั่มยอดนิยมทั้ง Specialized Allez, Trek Emonda (หรือตระกูล Alpha) หรือ Nich Kem ก็สามารถนำมาจัดการติดตั้งเกียร์ไฟฟ้าได้ง่ายดาย และมีราคาในตลาดมือสองสุดคุ้มเลยทีเดียว

October 14, 2019 cyclinghub 0 Comment