
นับตั้งแต่อุปกรณ์ระบุตำแหน่งจากดาวเทียม หรือ GPS เริ่มเข้ามาสู่ตลาดผู้ใช้ในครัวเรือนเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมียักษ์ใหญ่ในตลาดนี้อย่าง Garmin เริ่มคิดค้นนำเอาเทคโนโลยีนี้มาต่อยอดจนกลายเป็นอุปกรณ์จักรยานชั้นนำในสายตระกูล Edge ที่จุดเริ่มต้นเป็นเพียงแนวโน้มการตลาดรวมๆของกิจกรรมกลางแจ้งเท่านั้น แต่จากความร่วมมือของทีมงานการตลาด Garmin USA ที่ผลักดัน พัฒนา ซีรีส์ Edge ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักปั่นอย่างแท้จริงเมื่อราวสิบปีที่แล้ว ต่อยอดจาก Edge 305/605 จนกำเนิดไมล์ GPS ที่ปังที่สุดในตลาดเป็นตัวแรก Edge 500
นับจากเวลานั้น นอกจากเสียงคลิปรองเท้ากับบันไดเมื่อเริ่มออกตัวปั่น อีกเสียงที่เราจะได้ยินจนคุ้นชินคือเสียง “ปี๊บ” ของไมล์ที่เริ่มทำงาน และในปัจจุบัน Edge ก็ได้พัฒนามาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 และมีไมล์อยู่ในทางเลือกของนักปั่นลดหลั่นรุ่นกันลงไป แต่รุ่นไหน ถูกสร้างมาตอบโจทย์ใคร อย่างไร มาลองดูกัน
Edge 1030
เรือธงล่าสุด จอใหญ่ที่สุด และใส่เอาทุกอย่างที่ Garmin มีเอาไว้ข้างใน เรียกว่าแม้จะออกมากว่าปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังหาไมล์จักรยานที่เอา”ฟังก์ชั่น” มาโค้นเจ้าหมอนี่ลงไม่ได้ จุดเด่นนอกจากความครบที่สุดและจอใหญ่ ยังรวมถึงระบบนำทางแผนที่ที่ฉลาด มันจึงรองรับความต้องการของสายปั่นที่แสวงหาเส้นทางใหม่ๆเสมอ และเป็นอีกตัวหนึ่งที่นักแข่งนิยมใช้ไม่น้อยเลย เพราะข้อมูลที่แสดงได้อย่างครบเกินพอบนหน้าจอ และการเชื่อมต่อข้อมูลฝึกซ้อมอย่างสะดวกสบาย ก็เป็นจุดเด่นที่สายฝึกซ้อมมองหามาตลอด
Edge 520 Plus
ต่อเนื่องจาก Edge 500 ส่งต่อมายัง 510 และ 520 กระทั่ง 520 Plus ซีรีส์ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 ถือว่าเป็นซีรีส์ที่มาพร้อมกับความครบเครื่องแต่ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งไป โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการนำทาง ดังนั้นตั้งแต่ Edge 500 เป้นต้นมา นี่คือไมล์ที่ถูกใช้โดยนักแข่ง นักปั่นขาแรง ที่เน้นไปที่การฝึกซ้อม พัฒนาการปั่นมากที่สุด เพราะมีน้ำหนักเบา หน้าจอขนาดกำลังดี ฟังก์ชั่นการปั่นครบไม่ต่างอะไรกับรุ่นใหญ่กว่า ในภายหลังความแตกต่างของซีรีส์ 5xx ชัดเตนมากขึ้นด้วยการเป็นหน้าจอแบบปกติ ไม่ใช่ทัชสกรีนแต่ความเป็น Plus คือพวกเขายัดเอาแผนที่นำทางมาให้ด้วย ทำให้ นี่คือไมล์ขนาดเหมาะกำลังดี ทำงานได้ครบ และนำทางได้หากต้องการใช้ แน่นอนว่ามันไม่ได้สะดวกเหมือน 1030 แต่ด้วยราคาที่ต่ำกว่ามาก และความต้องการที่แตกต่างกัน ทำให้ 520 Plus คือไมล์ที่น่าใช้ที่สุดตัวหนึ่ง ถ้าคุณต้องการความ”ครบ”ที่จบแบบไม่เจ็บ
Edge 130
นี่คือซีรีส์ที่เพิ่งเกิดมาใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยช่องว่างทางตลาดที่ Edge ไม่สามารถจับเข้าไปได้ พวกเขาจึงจับเอาฟังก์ชั่นสำคัญๆที่นักปั่นต้องการใช้งานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรองรับพาวเวอร์มิตเอร์ การทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นภายนอกอย่างสมบูรณ์แบบ รองรับอุปกรณ์การ์มินอื่นๆทั้งหมด แต่มากับหน้าจอธรรมดา ไม่มีสี ขนาดเล็กไม่ใหญ่เกินไป แต่แสดงผลบนหน้าจอได้ชัดเจน Edge 130 จึงเป็นเรือรบที่นำมาใส่ในช่วงกลางได้อย่างพอเหมาะ เทียบก็เป็นเรือรบลำเล็ก แต่อาวุธหนักครบเครื่อง หากคุณไม่ต้องการขึ้นไปเล่นลูกเล่นต่างๆของรุ่นบนๆ ประหยัดงบประมาณ จับเอาแต่สิ่งจำเป็น ที่สำคัญ ต้องการความเล็ก แต่อยากใช้ฟังก์ชั่นต่างๆให้ครบถ้วน นี่คือไมล์ของการ์มินที่ใช่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
Edge 25
นานมาแล้วที่ตลาดไมล์จักรยานราคาประหยัดถูกครอบครองโดย Cateye อย่างเหนียวแน่น พวกเขาไม่ได้ต้องการฟังก์ชั่นอะไรมากมาย ไม่ได้ต้องการลูกเล่นหวือหวา ดังนั้น ไมล์ไร้สายของ”ตาแมว” แบรนด์ครองตลาดไมล์จักรยานมาอย่างยาวนาน ก่อนที่การ์มินจะแจ้งเกิดนับสิบปี ในที่สุด Edge ก็ลุยเข้ามาในตลาดงบย่อมเยา ด้วยการชนกับไมล์รุ่นท็อปของกลุ่มที่ไม่ใช่ GPS อย่างเต็มเหนี่ยว ใส่เอาความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆเช่น รอบขา ฮาร์ทเรท เข้ามาเพิ่ม แม้ว่านี่จะเป็นตลาดที่พวกเขาไม่ได้ชัยชนะอย่างงดงามอย่างที่คาดหวัง แต่ถ้านับเฉพาะกลุ่มไมล์แบบ GPS เจ้า Edge 25 ถือว่าฟังก์ชั่นกำลังเหมาะ การทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอื่นๆคล่องตัว และแน่นอนว่าสิ่งที่คุณได้มากกว่าคู่แข่งคือ ระบบฐานข้อมูลและการเชื่อมเข้าถึง Garmin Connect ที่ทั้งเก็บและประมวลผลการปั่นของคุณได้เข้าใจง่ายที่สุดในตลาด
สรุป
ในขณะที่รุ่นใหม่ในซีรีส์ 8xx กำลังจะมา เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า รุ่นต่างๆในตอนนี้ถือว่าครบถ้วนตามตำแหน่งของคตลาด และตอบสนองความต้องการของนักปั่นได้แทบจะครบทุกแบบ อย่างไรก็ตาม คู่แข่งต่างๆทั้ง Wahoo และ Lezyne เองก็ไม่หยุดยั้ง พวกเขาส่งเอาคู่ปรับออกมาชนอย่างหนักหน่วง แย่งเอาตลาดไปได้ไม่น้อยเลย ทำให้เรากำลังคาดเดาและรอคอยที่จะได้สัมผัสกับ Edge 8xx ตัวใหม่ ที่จะมาถึงในเร็วๆนี้ เพื่อจะได้เห็นว่า การ์มิน จะมีกลเม็ดเด็ดอะไร งัดมาสู้กับคู่แข่ง ในตลาดที่เดือดพล่นเช่นนี้