
“ออร์เบีย” แบรนด์จักรยานที่หลายๆคนอาจไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ แต่นี่คือหนึ่งในจักรยานที่ได้รับรางวัลจากสนามแข่งขันมากที่สุดคันหนึ่ง นับตั้งแต่โปรทัวร์ รายการชิงแชมป์โลก ไปจนถึงโอลิมปิค โดยมีรุ่นเรือธงที่ได้ชื่อว่า “ออร์ก้า” ซึ่งออกแบบเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2003 โดยชูจุดเด่นคือการเป็นจักรยานที่ครบถ้วนรอบด้าน สมบูรณ์ซึ่งสมรรถนะที่จักรยานต้องมี อันได้แก่ น้ำหนักที่เบา การขี่ที่สบาย และ ความสติฟฟ์ ที่รองรับระดับโปรได้อย่างมั่นใจ รวมถึง พวกเขาสร้างมิติองศาของรถที่ให้การตอบสนองที่ว่องไว ผสมกับความนิ่งที่รวมกันอยู่ได้อย่างมหัศจรรย์ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้แฟนๆออร์เบีย ต่างก็ยกให้ออร์ก้า คือหนึ่งในจักรยานที่ครบเครื่องที่สุดคันหนึ่ง
และเมื่อมาจนถึงยุคนี้ ที่ทุกค่ายต่างก็ออกแบบเสือหมอบ”ออลราวด์” ชนิดที่ครบถ้วนกระบวนความทั้งน้ำหนักที่เบา ผสมความแอโร่ฯ กันอย่างเต็มที่ ออร์เบีย ก็ได้ส่งเอา ออร์ก้า 2021 ออกมาโดยใช้แนวคิดดั้งเดิม แต่เสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้าไป สร้างจักรยานคันเดียว ที่สามารถรองรับความต้องการของนักแข่งระดับสูงสุดของโลกได้ในทุกๆรายการ คล้ายๆกับที่ พินาเรลโล สร้างจักรยานด็อกม่า ออกมาเป็นคันเดียวที่ถูกใช้แข่งเป็นหลักนั่นเอง ซึ่ง ออร์ก้า จะต้องมาพร้อมกับ น้ำหนักที่เบาในระดับรถไต่เขา มากับความแอโร่ฯในระดับเสือหมอบทางราบอย่างแท้จริง และ สามารถขี่สบายได้จนนำไปแข่งรายการทางไกล หรือมีถนนที่สั่นสะเทือนได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่นักออกแบบจะจับเอามารวมกันจนได้ เพราะในทุกๆด้านของสมรรถนะดังกล่าว จะมาพร้อมกับจุดอ่อนที่ลดทอนอีกด้านหนึ่งของมันเสมอ และถ้าหากจะบอกว่า “รถในฝัน” ของนักปั่นหรือนักออกแบบ ก็คือเสือหมอบที่มีทุกอย่างครบถ้วนดังกล่าวมานี้นี่เอง และถ้า ออร์ก้า สามารถทำได้ ก็เท่ากับว่า เสือหมอบคันนี้คือ”เสือหมอบในฝัน” นั่นเอง
เพื่อสร้างเสือหมอบในฝันนี้ ออร์เบีย เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ในกระบวนการผลิตซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถดึงเอาศักยภาพของคาร์บอนไฟเบอร์ออกมาได้อย่างสุงที่สุด ทำให้เฟรม ออร์ก้า ตัวใหม่มากับน้ำหนัก(รวมสีและชิ้นส่วนประกอบ) ที่ 830 กรัม ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เฟรมที่เบาที่สุดในปี 2021 แต่มันก็มีน้ำหนักมากกว่าเฟรมที่เบาสุดๆของปีนี้เพียง 30 กรัมเท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างความสติฟฟ์ที่เฟรมได้เพิ่มขึ้นจากเดิมทั้งในส่วนของสามเหลี่ยมด้านหลัง ช่วงคอ และท่อล่าง ทั้งหมดนี้ เพิ่มจากเดิมถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และแน่นอนว่า ท้ายที่สุด เสือหมอบออลราวด์ในยุคนี้จะขาดความแอโร่ฯไปไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งพวกเขาทดสอบจักรยานคันใหม่พบว่า รูปทรงท่อและรายละเอียดการเดินสายแบบใหม่ร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ สามารถลดแรงฉุดที่ด้านหลังของเฟรมได้มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือความได้เปรียบที่จัดอยู่ในระดับของเสือหมอบแอโร่ฯ คันหนึ่งเลยทีเดียว แม้ว่ามันจะไม่ได้เร็วที่สุด แต่ก็ถือว่าช้ากว่าเสือหมอบแอโร่ฯจัดๆเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ ออร์ก้า เป็นจักรยานในฝันจริงๆก็คือ ความสามารถในการใช้งานได้แม้ในเส้นทางสุดโหดหินสั่นสะเทือน เพราะ ออร์ก้า ใช้รายละเอียดการออกแบบและวัสดุที่สามารถลแรงสะเทือนจากถนนที่ขึ้นมายังตัวผู้ขี่ได้ด้วย โดยในโฉม 2021 นี้ พวกเขาลดแรงสะเทือนได้มากกว่าเดิม โดยออร์ก้า ในรหัส OMR หรือสร้างมาเพื่อเน้นการขี่บนเส้นทางสุดสะเทือนนั้น มีการพัฒนาความสามารถนี้ได้ดีกว่าตัวเดิมถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้มันมีความสามารถในการลดแรงสะเทือนในระดับเสือหมอบเอนดูรานซ์ระดับบนๆ (OMX ซึ่งสร้างมาเพื่อเน้นน้ำหนักเบา จะลดแรงสะเทือนได้ด้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบได้กับเสือหมอบเอนดูรานซ์ที่ไม่มีระบบซับแรงกระทกเจ็นเนอเรชั่นก่อนเลย) โดยที่โมเดลนี้ มีน้ำหนักเฟรมเพียง 1,050 กรัมเท่านั้น ในขณะที่มีความสติฟฟ์และแอโร่ฯ เท่ากับโมเดลแบบ OMX
ดังนั้น สำหรับแฟนๆออร์เบีย ที่สนใจใน ออร์ก้า ปี 2021 สามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะไปทางไหนจึงจะโดดนใจที่สุด ทั้งต้องการความดิบ มันส์ แต่ยังขี่สบาย มากับน้ำหนักที่เบาเพื่อการไต่เขาที่ยอดเยี่ยม หรือจะไปทางลุย ขี่ทางไกล ระยะยาว แต่ก็สามารถประกอบรถที่ไต่เขายาวๆได้ไม่แย่ไปกว่ากันมากนัก ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ มีความแอโร่ฯ เท่าๆกัน
โจทย์นี้เป็นรูปแบบการนำเสนอเฟรมที่ออร์เบียทำได้อย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งพวกเขาแนะนำว่า หากคุณต้องการขี่ทางไกล ที่เน้นสมรรถนะของรถที่สูง ออร์ก้า ในรูปแบบ OMR จะเหมาะสมมากกว่า โดยมันสามารถนำไปไต่ทางเนินขึ้นๆลงๆในรูปแบบของการระเบิดพลังกระทืบเนินได้เป็นอย่างดี และยังตอบสนองได้อย่างว่องไวกว่าเสือหมอบเอ็นดูรานซ์ด้วยองศาของรถที่ดุดัน ฐานล้อที่สั้นลงกว่าเดิมบวกกับองศาตัเกียบหน้าที่ชัน ส่งผลให้ได้เสือหมอบที่คล่องแคล่วแต่ขี่สบาย ส่วน OMX คือที่สุดของเสือหมอบแข่งขันในมุมมองของออร์เบียนั่นเอง ทั้งทางราบและทางเขาสูงชันยาวๆ มันสามารถตอบสนองคุณได้อย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน
จุดเด่นที่ไม่พูดคงไม่ได้เลยกับทั้งสองโมเดลของออร์ก้าในปีนี้คือ สามารถรองรับหน้ายางได้กว้างถึง 32 มม. เลยทีเดียว แถมยังมีทางเลือกในการทำสีพิเศษแบบเฉพาะตัวให้เลือกได้อีกด้วย