
เปิดตัวไปแล้วอย่างเป็นทางการกับ Pinarello Dogma F12 ครั้งแรกของประเทศไทย โดยบริษัท Pro Cycle และแขกผู้มีเกียรติได้รับเชิญเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง บรรยากาศ หรูหรา และดุดัน สมกับบุคลิกภาพของเจ้า F12 ที่แม้จะถือเป็นเสือหมอบพรีเมี่ยมไฮเอ็นด์ แต่ก็จัดว่าเป็นอาวุธสงครามขั้นหนักมากกว่าแค่เครื่องประดับเสริมบารมี ดังนั้น นี่คือ จุดเด่นสำคัญของ Dogma F12 ในฐานะของ เรือธงแห่ง Pinarello ในวินาทีนี้
แอโรไดนามิคส์ดีกว่าเดิม
แม้ว่า F10 จะถือเป็นเสือหมอบที่มีความแอโรไดนามิคส์สุงเป็นอันดับต้นๆในตลาดปัจจุบัน แต่โจทย์ของทีมงาน Pinarello คือการสร้างจักรยานที่ดีกว่า Dogma F10 ดังนั้นในแง่ของความแอโร่ รูปทรงท่อคอ ท่อล่างแบบใหม่ ร่วมกับการซ่อนสายอย่างสมบูรณ์แบบและค็อกพิทล่าสุด ส่งผลให้ Dogma F12 มีความแอโร่ฯมากกว่า F10 เปรียบเทียบที่ความเร็ว 40 กม./ชม. สามารถประหยัดกว่ากัน 8 วัตต์เลยทีเดียว
น้ำหนักเบาลงยิ่งกว่าเดิม
สายรหัส Dogma เป็นเสือหมอบที่อยู่ในกลุ่ม”ครบเครื่อง” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่จักรยานที่เน้นความเบาเป็นตัวชูโรง แต่น้ำหนักก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการสร้างรถแข่งที่แข่งขันได้โดยนักกีฬาไม่เสียเปรียบบนภูเขา ทำให้ Dogma F12 สามารถทำน้ำหนักได้ที่ 6.8 กก. ในแบบดิสค์เบรค และ 6.2 กก. ในรูปแบบเบรคธรรมดา (ประกอบกับชิ้นส่วนที่มีจำหน่ายทั่วไปในตลาด) เฉพาะชุดแฮนด์ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับรถ ก็เบากว่าเดิมถึง 40 กรัม ในขณะที่แอโร่ฯ และสติฟฟ์ยิ่งกว่าเดิม
สติฟฟ์และตอบสนองได้ดีกว่าเดิม
ว่ากันด้วยเรื่องของความสติฟฟ์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ F12 ก้าวข้ามขั้น F10 ขึ้นไปอีกก้าวใหญ่ เพราะรูปทรงของตะเกียบโซ่ล่าสุดที่แตกต่างจากเดิม และการเลือกใช้วัสดุคาร์บอนเกรดสูงที่สุดของบริษัทโทเรก้า ทำให้ความสติฟฟ์ของสามเหลี่ยมหลัง เพิ่มขึ้นอีกถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นทางราบ หรือการขึ้นเขา F12 จะตอบสนองแรงบิดสุงๆได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบในรายละเอียดยังช่วยเสริมการรับแรงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ กะโลหกที่เยื้องออกมาทางขวามากขึ้นไปอีก รับแรงบิดจากด้านขวาของรถ ที่ได้จากแรงปั่นได้ดีขึ้น
เสือหมอบดิสค์เบรคที่สมบุรณ์แบบ
F12 ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเป็นจักรยานดิสค์เบรคอย่างแท้จริง ด้วยปัจจัยของระบบเบรคที่อยู่ด้านซ้ายของเฟรมแทนที่จะเป็นตะเกียบท่อนั่งและตะเกียบหน้า ดังนั้น ทั้งตะเกียบหน้า และเฟรมซีกซ้าย จึงถูกออกแบบให้รับแรงกระทำได้มากกว่า โดยเฉพาะตะเกียบหน้าที่เห็นได้ชัดว่าไม่เท่ากันทั้งสองข้าง ทำให้ในการลงเขาด้วยความเร็วสุงมากๆ เฟรมจะไม่ให้ตัวและยังคงมั่นคงกว่าเสือหมอบดิสค์เบรคทั่วๆไปที่บิดตัวได้ราว 1.5 องศาต่อการเบรคในแต่ละครั้ง
ความความเป็นงานศิลป์ในตัวเอง
ทุกครั้งที่ Pinarello ออกรถใหม่ พวกเขาทำสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆเสมอ ตั้งแต่ยุคที่จักรยานยังไม่ได้รับความนิยมเป็นกระแสแห่งการดำเนินชีวิตนั่นคือ “ความงาม” ของเฟรมและลวดลายต่างๆ ดังนั้น นับตั้งแต่ Prince มาจนถึง Dogma ในแต่ละซีรีส์ โลกต้องยอมรับว่านความลงตัวของรูปร่างกับลวดลาย และสีสัน ก้าวนำหน้าความเนี๊ยบสไตล์อิตาเลียนขึ้นไปอีกชั้น การเลือกคู่สีและลวดลายของ F12 สามารถสร้างประโยชน์ใช้สอยเชิงจิตใจได้ ซึ่งมีจักรยานไม่มากนักสามารถเข้าถึงจุดนี้ด้วยการออกแบบรายละเอียดได้
สำหรับค่าตัว 189K ของ Dogma F12 อาจดูแล้วแพงสำหรับหลายๆท่าน แต่หากเทียบรวมระหว่างนวัตกรรม และคุณค่าของตัวมันเอง ในท้องตลาดยังมีจักรยานไฮเอ็นด์ที่ค่าตัวทะลุไปยิ่งกว่านี้อีกหลายๆแบรนด์ แต่แน่นอนที่สุดคือ เรากำลังจะได้เห็นโปรทั้งหลาย ใช้ Dogma F12 ไล่ล่าเกียรติยศแห่งแชมป์ ตูร์เดอฟร็องซ์ ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้แล้ว คอยติดตามชมกันนะครับ