จากเสือหมอบที่เปิดตัวออกมาเรียบร้อยตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นมา เราน่าจะพอมั่นใจกันได้แน่นอนว่า ในปี 2023 และอนาคตต่อไป ทิศทางการพัฒนา และการออกแบบที่กำลังจะมาเป็นกระแสหลักต่อไป จะมีอะไรบ้างกันแน่ เราลองมาเดาแนวกันดูนะครับ

 

High Stack – Short Reach

ตั้งแต่ช่วงยุค 2010s  ที่การออกแบบเฟรมเสือหมอบเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างโดยต่างก็มุ่งเน้นไปที่เฟรมที่มีองศาดุดัน ก้มเยอะๆ เหยียดยาวๆให้โปรสามารถแข่งได้อย่างสะใจ แต่ต่อมาไม่นาน นำโดย Cervelo และการมาของ Factor ในไม่กี่ปีหลังจากนั้น เราเริ่มเห็นแนวทางการพัฒนาเฟรมเสือหมอบที่เปลี่ยนไป โดย เพิ่ม Stack หรือระยะก้มน้อยลง เราได้เห็นการลด BB Drop ลงมาใกล้พื้นมากขึ้น และ ระยะเอื้อมหรือ Reach ที่สั้นลง เพื่อให้เฟรมเดียวกันนี้สามารถนำไปใช้กับนักปั่นทั่วไปได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ แม้แต่โปรนักแข่ง ก็เริ่มมุ่งเน้นการฟิตติ้งรถให้ไปในทิศทางของความสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน สังเกตุดไ้จากการเปลี่ยนไปของรถแข่งโปรใน Tour de France 2021 เป็นต้นมา ดังนั้น อย่าได้แปลกใจว่ากระแสนี้จะเป็นแนวทางหลัก ที่ทุกยี่ห้อต่างก็นำมาใช้กันทั่วถึงในปีหน้าและอนาตอันใกล้อย่างแน่นอน เรื่องนี้จริงๆสามารถคุยกันแยกเป็นหัวเรื่องใหม่ได้เลยครับ หากมีโอกาสจะนำมาเล่าต่อไปอย่างละเอียดอีกที เพราะมันมีทั้งมิติของการตลาด การพัฒนาทางการออกแบบ และ ปัจจัยจากชิ้นส่วนอื่นๆอีกด้วย

 

One Bike To Rule Them All

เป็นเวลากว่าทศวรรษ ที่อุตสาหกรรมจักรยานพยายามออกแบบจักรยานเฉพาะทางออกมาให้แต่ละคนได้เลือกใช้สอยให้เหมาะกับความต้องการ ให้ตรงจริตของแต่ละคน จนเกิดเป็นรถไต่เขา รถออลราวด์ รถแอโร่ฯ รถขี่สบาย รถขี่สนุก และอื่นๆมากมายเต็มไปหมด  ในที่สุดก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่ อุตสาหกรรมนี้จะส่งเอา”หมอบคันเดียวเฟี้ยวได้ทุกที่” ออกมา ทั้งจากสภาพเศรษญกิจโลกที่เป็น จากการแข่งขันของแต่ละแบรนด์ และ การมาถึงของเทคโนโลยีที่พร้อม สร้างเสือหมอบที่มีน้ำหนักเบา แต่แอโร่ฯยิ่งกว่ารถไทม์ไทรอัลยุคก่อนๆ จากวัสดุแบบใหม่ และกระบวนการผลิตใหม่ๆ ดังที่เราได้เห็นมาแล้วใน Giant Propel โฉมใหม่ล่าสุด หรือถ้าจะยกให้เจ้าแห่งไอเดียวนี้คงต้องยอมรับว่า Pinarello  ได้ยึดแนวทางนี้มาอย่างไม่เสื่อมคลายในสายตระกูล Dogma อย่าได้แปลกใจว่า อีกไม่นาน เราจะแทบไม่สามารถเทียบสมรรถนะของเสือหมอบต่างสายของแต่ละยี่ห้อกันได้ตรงๆอีกแล้ว เพราะเราอาจได้เห็น เสือหมอบแอโร่ฯของบางค่ายที่เบาเทียบชั้นรถไต่เขาอีกบ้านหนึ่ง หรือ รถไต่เขาค่ายหนึ่งที่อาจจะแอโร่ฯชนิดไม่แพ้เฟรมแอโร่ฯของอีกบ้านได้เลย

 

It’s Not For Pros

จักรยานเสือหมอบ ถูกออกแบบให้กับนักแข่งระดับโปร และเป็นรถในฝันสำหรับคนที่รักจักรยานมายาวนาน เป็นร้อยปีเลยครับ ใช่ครับ ฟังไม่ผิดเลย ตลอดกว่าศตวรรษที่ผ่านมา คนชอบปั่นจักรยานมักจะนิยมเลือกซื้อจักรยานที่เป็นเงาของรถแข่งระดับโปรมาขี่กัน แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อยๆเปลี่ยนอย่างช้าๆ นำโดยแบรนด์แนวๆอย่าง GT หรือ 3T และเริ่มเข้ามาสู่แบรนด์กระแสหลักอย่าง Cervelo และมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่แบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่ต่อไป เราเริ่มจะเห็นจักรยานที่ออกแบบมาให้คนขี่ทั่วไปโดยเฉพาะ ลดทอนคุณสมบัติการแข่งขันบางอย่างออกไป แต่ใส่มาด้วยสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานที่กว้างขึ้น องศาที่สบายขึ้น ขี่ได้หลากหลายและยืดหยุ่นในการปรับเซ็ทยิ่งกว่าเก่า เราอาจได้เห็นเสือหมอบที่ขี่ซิ่งสนุกสนานที่สามารถเอาไปขี่ผจญภัยระยะไกลได้ในคันเดียว หรือ มีน้ำหนักที่เหมาะสมแต่แอโร่ฯมากพอที่จะนำไปแข่งไตรกีฬาและลุยทางกรวดได้ในคันเดียวกัน หรือ เสือหมอบที่สามารถนำไปออกทริปทางไกล ลุยงานแข่งระยะสั้นได้สนุก ดูแลรักษาได้ง่ายด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งช่างและเครื่องมือพิเศษ ทั้งหมดนี้ คือประสบการณ์สำหรับนักปั่น ที่ไม่ใช่นักแข่ง ซึ่ง กลายเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาด หลังจากที่จักรยาน เป็นมากกว่าแค่กีฬาชนิดหนึ่งอีกต่อไป

 

Cheaper But Better

“จักรยานแพงขึ้น” เป็นประโยคที่คนในวงการต่างก็รู้กันดีครับ หลังจากเจอสภาพปัจจัยแวดล้อมหลังโควิดฯรุมเร้า ซ้ำเอาด้วยค่าเงินบาทเข้าไปอีกเด้ง ทำให้ ราคาของจักรยานปรับขึ้นกันอย่างถ้วนหน้า หลายๆแบรนด์ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ขยับขึ้นสู่ตลาดบนกว่าเดิม เพื่อตอบสนองตลาดบนที่น่าจะยังมีกำลังซื้ออยู่ ส่งผลให้โดยรวมแล้ว จักรยานและชิ้นส่วนต่างๆในตลาดกลางลงมาล่าง ค่อนข้างบับั้น และนี่คืออีกจังหวะของการมาเพิ่มซึ่งผู้เล่นใหม่ๆ ทั้งแบรนด์ระดับโลคัล รวมถึง แบรนด์ทางเลือกที่ทำการพัฒนาแบบย้อนทางโดยผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ดังที่เราเริ่มได้เห็นชุดขับเคลื่อนจากแบรนด์ทางเลือกมากขึ้น ตามมาพร้อมๆกับเฟรม และล้อต่างๆ ที่นำเสนอราคาที่คุ้มค่า คู่กับสมรรถนะที่ถึงแม้จะไม่ได้สูงเลิศเป็นยานอวกาศความเร็วแสง แต่ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เราๆท่านๆได้บินฝ่าลมไปอย่างสนุก เรียกได้เลยครับว่า ถ้าเทียบกับรถแข่งระดับเรือธงย้อนกลับไปสิบปี รถทางเลือกเหล่านี้อาจนำมาแทนที่ได้แบบไม่แพ้กันเลย แล้วต้องถามครับว่า ความแตกต่างที่พัฒนาในช่วงสิบปีของวิศวกรรมชั้นสูงสุดนั้นคุณสัมผัสหรือรู้สึกว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน แน่นอนว่า จ่ายเท่าไหร่ก็ได้อย่างนั้น แต่ คนในวงการอุตสาหกรรมจักรยานกำลังจับตามองว่า สถานการณ์ตลาดแบบนี้ เราจะได้เห็นโอกาสที่ผู้บริโภค จะได้อ้าแขนต้อนรับผู้เล่นใหม่ๆมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

Tag ::
November 24, 2022 cyclinghub 0 Comment