ถ้านึกถึง Cervelo ภาพแรกที่ผุดขึ้นมาของคุณคือภาพอะไร? บางคนอาจเห็นลีลาการปั่นของแชมป์ Tour de France ปีล่าสุด บางคนอาจเห็นภาพของรถไตรกีฬาสุดล้ำที่โดดเด่น แต่สำหรับผม ผมย้อนกลับไปเห็นเสือหมอบแอโร่ฯ ที่มาก่อนและล้ำหน้าชาวบ้านด้วยความเรียบ แต่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการออกแบบที่ซ่อนอยู่ Cervelo Soloist เสือหมอบที่เป็นตัวแทนของบุคลิกภาพของแบรนด์นี้ ที่กล้าฉีกทุกกฎ หากมันจะพาไปสู่นวัตกรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและวิศวกรรมชั้นยอด ซึ่งในยุคนั้น Cervelo  เป็นแบรนด์แรกที่จับเอาอากาศพลศาสตร์ของอุตสาหกรรมอากาศยาน มาร่วมกับวัสดุที่กำลังเข้ามาบุกเบิกโลกจักรยานอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ รวมกันออกมาเป็นจักรยานเสือหมอบที่สร้างจากคาร์บอนและมีรูปร่าง รูปทรงนำสมัย ซึ่งออกวางจำหน่ายในตลาดทั่วไปเป็นรายแรก หลังจากนั้น สิ่งที่ Soloist  ได้กระทุ้งเอาไว้ มาเบ่งบานในหลายปีให้หลัง กับการมาของ เสือหมอบแอโรไดนามิคส์นั่นเอง

การเดินทางอันยาวไกลนี้ มาถึงอีกจุดหนึ่งของเรื่องราวที่ต้องบันทึกเอาไว้ เมื่อ Cervelo เปิดตัว S5 โฉมใหม่ พร้อมๆ กับความสำเร็จการคว้าแชมป์ของ โยนัส วิงเกอร์กอร์ ร่วมกับผลงานอันยอดเยี่ยมของ ยัมโบ้-วิสม่า ทีมที่ผุดฟื้นคืนชีวิตจากกองขี้เถ้าโบยบินสู่ความสำเร็จด้วยแผนการทำทีมแบบระยะยาวที่มั่นคง ซึ่งในวันนี้เอง ที่เราจะพาท่านไปทำความรู้จักกับทายาทล่าสุดของตำนานสัญลักษณ์หนึ่งของวงการจักรยานเสือหมอบ

S5 ใหม่ก็ยังคงออกแบบอยู่บนพื้นฐานความเรียบง่ายแบบเดิม แต่เพื่อให้ได้สมรรถนะที่สูงที่สุด ทีมพัฒนาของ Cervelo เริ่มออกแบบจักรยานคันนี้จากศูนย์ โดยมีจุดเด่นคือ ต้องทำความเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม จากความได้เปรียบด้านอากาศพลศาสตร์ แต่ก็มีความว่องไว คล่องตัวพอที่จะไต่เขาไปกับการแข่งระดับแกรนด์ทัวร์ได้ รวมถึง การควบคุมรถที่ยอดเยี่ยมในรูปแบบของ Cervelo ในที่สุดก็ได้ออกมาเป็นรูปร่างอย่างที่เราได้เห็นกันนี่เอง โดยจุดเด่นหลักๆ ที่เห็นได้ชัดในรอบนี้คือ ชุดค็อกพิทที่เรียบเพื่อลดแรงต้านของอากาศให้ได้มากที่สุด ทั้งยางช่วยให้อากาศไหลผ่านตัวเฟรมไปได้โดยเกิดแรงต้านด้านหลังน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สิ่งที่เราไม่เห็นแต่ช่วยให้เกิดผลดีขึ้นอย่างมากอีกอย่างก็คือ การรองรับขนาดยางและขอบล้อที่อ้วนกว่าเดิม เพราะในห้องทดลอง Cervelo  ค้นพบว่า ขอบล้อที่ยิ่งอ้วนเท่าไหร่ยิ่งดีสำหรับความได้เปรียบด้านอากาศ เฟรม S5 ใหม่จึงรองรับขนาดยางได้กว้างถึง 34 มิลลิเมตร โดยได้ความสบายในการขี่มาเพิ่มเติมเป็นของแถม

เมื่อมองลงไปให้ลึกกว่าเดิม เราจะเห็นได้ทันทีว่า ทุกๆ ท่อและรอยต่อของแต่ละส่วนของ S5  ใหม่นี้ ออกแบบมาอย่างเต็มที่เพื่อให้รับกับกติกาของ UCI  ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ท่อล่าง ท่อนอน ท่อนั่ง และท่อคอ ทั้งหมด มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น เพื่อความแอโร่ฯ ที่มากกว่าเดิม ด้านหลังของท่อคอและเหนือกะโหลก Cervelo ได้ออกแบบรูปทรงท่อให้อากาศไหลผ่านไปได้ในแบบของเรือใบที่รีดอากาศผ่านไปนอกจากลดแรงฉุด (drag) ทางด้านหลังแล้ว ยังช่วยให้ทำความเร็วได้สูงมากอีกด้วย รวมถึงตะเกียบใหม่ที่ดูแล้วหนาและกว้างกว่าเดิม  ส่วนในมุมของน้ำหนักนั้น S5 ใหม่ทำน้ำหนักลดลงไปได้ราว 3-4% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับโลกของจักรยาน การจะรีดน้ำหนักจักรยานลงไปให้ได้สัก 15 กรัมในแต่ละส่วน แล้วรวมกันทั้งคันให้ได้ 50-60 กรัม สำหรับเสือหมอบรุ่นท็อปที่ต้องพัฒนาในแต่ละเจ็นเนอเรชั่น ถือว่า ท้าทายอย่างที่สุด และอย่าลืมนะครับว่า น้ำหนักที่ลดลงนี้ มากับเฟรมที่แอโร่ฯ ยิ่งกว่าเดิม ท่อหนาและกว้างยิ่งกว่าเดิม

ซึ่งน้ำหนักนี้จะเป็นที่คาใจของแฟนๆ นักปั่นหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า ปีนี้ โยนัส วิงเกอร์กอร์ ขี่ Cervelo S5 เป็นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเสตจทางราบหรือเสตจภูเขา แม้แต่ในวันที่ต้องไต่เขาสูงชันก็ยังคงขี่ S5  มีเพียงเสตจภูเขาโหดๆ เพียงไม่กี่เสตจเท่านั้นที่เขาไม่ได้ขี่ S5 ลงแข่งขันก่อนที่จะกระชากเสื้อเหลืองมาจากแชมป์เก่า ก้าวขึ้นมาสู่หนึ่งในทำเนียบของแชมป์ Tour de France ดังนั้นถ้าจะบอกว่า ชัยชนะนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก Cervelo S5 ก็คงไม่ผิดนัก

ท้ายที่สุด S5 ใหม่ มากับการรองรับชุดเกียร์แบบไฟฟ้าเท่านั้น ทั้ง Shimano Di2 และ Sram eTap AXS ซึ่งก็แน่นอนว่า มีเฉพาะรุ่นที่เป็นดิสก์เบรคเท่านั้นอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ออกมาตบเท้ารับรองแล้วว่า ระบบเกียร์ไฟฟ้า และดิสก์เบรค คือมาตรฐานของเสือหมอบระดับแข่งขันสูงสุดเท่านั้น

 

 

Tag :: AeroCervelo
July 26, 2022 cyclinghub 0 Comment