
ลองหวนคิดถึงหญิงคนแรกของเรา หรือชายนายแรกที่ก่อปฏิกิริยาทางเคมีจนโครโมโซม x y ในตัวเริ่มอยู่ไม่สุข รสสัมผัสแรกที่กระตุ้นการตื่นตัว ความนัวเนียที่พาเอาเพลียในยามเช้า ผมแค่เอาเรื่องนี้มาเป็นดั่งอุปมาว่าถึงจักรยานคันแรก ว่ายังมีกลุ่นไอคุกกรุ่นอยู่ในความรู้สึกส่วนลึกของเราแค่ไหน อะไรที่เป็นครั้งแรกๆ จะตาตรึงในก้นบึ้งเสมอ จักรยานคันแรกของผมเกิดจากการ Surprise ในยามดึก เหมือนพ่อนั่งทางในอ่านใจเราได้ว่าอยากจะมีจักรยาน กลางดึกคืนหนึ่งพ่อได้ยกจักรยานขึ้นมาในบ้าน เป็นจักรยานที่ทำให้ตาผมสว่างเบิกโพล่ง มันคือจักรยานสีเขียวปีกแมงทับแวววับด้วย Glitter กากเพชรแซมอยู่ในทุกอนูของเบาะที่ลาดยาว แต่ด้วยความเป็นเด็กผู้ชายที่แก่นแก้วพอสมควรเวลาเล่นสมมติว่าเป็นขบวนการยอดมุนษย์ก็มักจะต้องเลือกเป็นสีแดง หรือสีน้ำเงินเป็นอย่างน้อย สีเขียวเลยไม่เคยเป็นออปชั่นในหัวกบาล ความดีใจ ปนความอึ้ง บวกแรงทึ้งของความไม่สมหวัง ก็ประดังมาในเวลาเดียวกันอยู่ในหัวของเด็กอายุหลักขวบ ในขณะที่เพื่อนร่วมขบวนการในวัยเด็กล้วนขี่ BMX กันแบบ 100% พ่อผมหัวก้าวหน้าต้องการสร้างความแตกต่างทางอัตลักษณ์ให้ลูกตั้งแต่เยาว์วัย จัดจักรยานแฮนด์ยกแบบช๊อปเปอร์ เฟรมโค้งเว้าแต่ไม่เข้ากับหนังหน้าเด็กวัยซ่าอย่างผม โดยรวมแล้วนี่คือจักรยานที่เด็กผู้หญิงเห็นแล้วคงกรี๊ดแต่เพื่อนผมเห็นแล้วคงกร๊ากกกก แต่นั่นหละครับรักแรกที่ไม่มีวันลืม ผมก็เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ไอ้พวกที่ขี่ BMX แล้วคิดจะล้อผมมันก็ได้สมหวังดั่งใจ แต่ไม่กี่วันหรอกครับ ทุกอย่างต้องพิสูจน์กันที่ความเร็ว ผมบอกแล้วพ่อผมมองการณ์ไกล จักรยานแฮนด์ยกพู่ห้อยปลอยแฮนด์ของผมมาพร้อมกับล้อที่ใหญ่กว่า BMX และขาจานที่แม้ไม่รู้ว่ายาวกี่มิลแต่ก็ยาวกว่าพวกมึงหละไอ้เด็กเวรระแวกบ้าน ถึงรถกูจะแนวหญิงแต่ก็ซิ่งกว่ามึงแน่นอน จากโดนล้อก็กลายเป็นหัวโจกขาซิ่งประจำก๊วน และจักรยานผมต้องมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ระดับ 500 แรงถีบ เพราะผมยัดใบไม้แห้งไว้ระหว่างล้อหน้าหลังตรงตะเกียบ เวลาปั่นดอกยางล้อจะสีกับใบไม้แห้งให้เสียงน้องๆมอไซน์ขี่ไปไหนใครต้องมอง แล้วก๊วนผมมีกัน 7-8 ลำ ตกเย็นนี่บอกเลยว่าลั่นซอย และนั่นคือความสนุกในยุควัยเด็ก ที่กาลเวลาผ่านไปไม่รู้ว่านานแค่ไหน ผมก็กลายเป็นเลิกขี่มันไป และคงคล้ายกับเราท่านหลายคนที่ทุกคนต้องเริ่มปั่นจักรยานในวัยเด็ก พอโตขึ้นก็ห่างหายกันไป เหมือนเจี๊ยบกับน้อยหน่าในหนังแฟนฉันที่ต้องจากกันไปทั้งที่ยังรักกัน เศร้าแพ๊รบๆ
แต่ตราบใดที่เรายังรักกันตราบนั้นถ่านไฟย่อมไม่มีมอดดับ แล้วคุณๆหละครับกลับมาจับจักรยานอีกครั้งกันตอนไหน ผมกลับมาปั่นจักรยานอย่างจริงจังในยุคของ Commute bike ครองยุโรป เนื่องจากในต่างประเทศค่าการเดินทางด้วยรถสาธาระณะทั้งรถไฟ รถเมล์ ช่างแพงเหลือหลาย แถมราคาจักรยานดีๆ ก็มหาโหดกว่าบ้านเราเสียอีก ผมก็ไปสอยจักรยานมือ 4 ที่อีเบย์มาขี่สบายใจเฉิบ เนื่องจากในต่างประเทศคนนิยมเดินทางด้วยจักรยานกันมาก จักรยานแฮนด์ตรง ล้อใหญ่เรียกไฮบริดติดเกียร์ให้พอผ่อนแรงนับว่าซื้อง่ายขายคล่อง และของแต่งแบบบ้านๆเพียบ จะขาตั้ง ตะแกรงหลัง จุดติดกระเป๋ายันที่เสียบร่ม จะบอกว่าการปั่นจักรยานไปเรียน ไปทำงาน มันเป็นความสนุกในชีวิต มันเป็นความประหยัดในกระเป๋า มันเป็นความแข็งแรงในร่างกาย มันเป็นความท้าทายที่จะทำเวลาให้เร็วขึ้นในการเดินทางแต่ละวัน ผมปั่นจากที่พักไปเรียน จากที่เรียนไปที่ทำงาน จากที่ทำงานกลับบ้าน รวมวันละเกิน 100 โล มันได้ใช้ชีวิต มันได้แต่งจักรยาน มันได้เรียนรู้อุปกรณ์ เป้หลังผมมีอุปกรณ์ที่ทำให้ขี่ได้ทั้งหน้าฝนยันหิมะตกกันเลยทีเดียว และเป็น 3 ปีที่ทำให้ผมรักจักรยานเป็นที่สุด จนกลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอนแม้สภาพแวดล้อมไม่ได้เอื้ออำนวย แต่ช่วยไม่ได้เมื่อใจมันรัก ผมก็ตะบี้ตะบันหาทางปั่นจักรยานในชีวิตประจำวัน ระหว่างบ้านกับที่ทำงานในการจราจรของกรุงเทพแดนอมรที่ชื่อขจรเรื่องรถติดระดับ Top of the world
จากยุคของ Commuter bike ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มันก็เข้ามาถึงยุคของ Road bike สายเสือหมอบที่หอบเอาความตรงข้ามกับการปั่นแบบใช้งานในชีวิตประจำวันไปโดยสิ้นเชิง ผมเริ่มรู้จักคนขี่จักรยานที่อยู่ในชมรมปั่น เขาก็อุตสาห์มีน้ำใจชวนเราไปปั่นกับเขา ก็หอบเอารถอลูหนักๆ แฮนด์ตรงแต่งเต็มไปขี่กับชมรมของพี่เขาที่ทุกคน 100% ปั่นหมอบ อ่าวแล้วพี่ไม่บอกผมตั้งแต่แรกหละครับ…ระยะปั่นคือ 100 โลแบบหยุดพัก 1 ครั้ง ผมก็กัดฟันปั่นจนจบ แต่เป็นจบชีวิตนะครับ โลที่ 70 ก็โทรเรียกเมียมารับกลางทาง พร้อมกับหอบจักรยานขึ้นรถกลับบ้านด้วยความอับอายขายขี้หน้า พี่ที่ชวนก็ปลอบใจด้วยการมอบเสือหมอบอลูมาให้ไปลองปั่น เท่านั้นแหละครับ โลกผมก็เปลี่ยน อ๋อถ้าจะขี่เร็วแบบเขาต้องหัดหมอบสินะ..เจอกู
เสือหมอบอลูยางเล็กๆ เปลี่ยนเกียร์แถวฮูดจับนับว่าแปลกใหม่สำหรับผม แต่ที่แปลกหนักคือไม่มีใครบอกหละว่าปั่นเสือหมอบต้องใส่บันไดคลิปเลสหรือบันไดคลีท เข้ร์……ปั่นไปตะคริวแดกไปกินทัมใจก็ไม่หาย ไปหายาย ยายไม่อยู่ ไปหาปู่ ปู่ชักว่าว…เจอราคาบันไดแทบหงายท้อง ตัวเริ่มต้นเกือบสองพัน เอาว่ะ เราต้องเกาะไปกับกลุ่มเขาให้ได้ บันไดคงช่วยให้ตีนกับบันไดเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช่เลยมันเข้ากันได้จนแยกไม่ออก จอดติดไฟแดงล้ม จะถึงบ้านอยู่แล้วลม เจอเพื่อนเบรกกะทันหันล้ม แม่มล้มซะจนเป็นโรคหวาดระแวงจนเก็บเอาไปฝัน บอกเลยล้มหนะมันไม่เจ็บแต่มันอับอายขายขี้หน้า อยู่คนเดียวไม่ล้มพบผู้คนแม่มล้มจัง ก็กัดฟันผ่านยุคล้มลุกคลุกคลานไปได้ แต่ไหงเราก็ยังตามเขาไม่ทัน
เพื่อนกันก็ต้องดันให้สุด กูว่ามึงต้องไปคาร์บอน สาดดดดดด…เดือนที่แล้วหมอบอลูคือพอเพียง ผ่านเดือนเดียวมันไม่เพียงพอต้องตอด้วยคาร์บอน เดือนหน้าคงต้องเลิกคบมัน จะด้วยความเบาของคาร์บอน ทรวดทรงที่ล้ำสมัย หรือเทคโนโลยีห่าเหวอะไรก็ไม่รู้หละ ที่ทำให้จักรยานอลูคันละไม่กี่หมื่นที่เพิ่งได้ลองกลายเป็นของกระจอก เมื่อเฉพาะเฟรมคาร์บอนคุยกันที่หลักหลายหมื่นยันแสน นี่ใช่มั้ยคือคำตอบ ถ้าอยากตามเขาให้ทัน กูต้องหาตังสินะ คาร์บอนมอนนอกไซน์ หรือไดออกไซน์ไม่รู้หละ หน้ามืดแล้ว บอนก็บอน ใครจะหาว่าเราตกยุคไม่ได้ จัดไป…คาร์บอนตัวกลั่นมั่นใจว่าเอาอยู่ เดี๊ยวคอยดูจะสู้ไม่ถอย เริ่มหมกได้เริ่มดูดไหวไม่ถูกถอดทิ้งให้กินข้าวลิงคนเดียว แต่ทำไมลากไม่ได้ว่ะ ทำไมยิงไม่เคยรอด มันต้องมีคำตอบสิน่า ก็เริ่มพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คทาชายเพื่อนนายเดิมก็เริ่มบอกให้เราพิจารณาดีๆ ที่หลังประกอบจักรยานต้องรู้จักเอาไปชั่งน้ำหนักด้วยเว้ย อ่าวจักรยานหรือมะม่วงว่ะ ต้องชั่งก่อนซื้อ แล้วมันก็เริ่มเทศนาว่าเรื่องความเบา มึงรู้มั้ยว่าจักรยานคาร์บอนมันต้องหนักแค่ 6-7 โล เอ็งจะยิงได้ดั่งใจนึก มันจะพุ่งกว่าทุกอย่างของมึงที่พุ่งได้ แล้วจักรยานไม่ได้วัดกันที่ทางราบ เขาวัดกันที่เวลาขึ้นเขา การมีของเบามันย่อมได้เปรียบ เอางี้ก่อนเลยมึงจะไปคาร์บอนทุกอย่างก็ต้องเป็นคาร์บอนสิว่ะ แฮนด์ สเตม เบาะ ชุดเกียร์ไปขอเมียให้อัพ อัพไปคาร์บอนแล้วมันจะสมศักดิ์ศรีดีกรีความเบา อ๋อ…มันมีเหตุผล เฟรมคาร์บอนก็ต้องคู่ควรกับอุปกรณ์คาร์บอนทั้งหมด เฟิร์สชอยส์ อีซีบาย อีอ้อน รูดลื่นชื่นอุรา คันมาก็ต้องเกา ออกมาก็หล่อเหลาอย่างที่มันว่า
ออกรอบสิครับรออะไร ปั่นไปๆๆ เออ..มันเร่งดีขึ้นจริง มันเบาตีนดีจัง แต่กลุ่มที่เราอยู่ด้วยมันจะเก่งอะไรขนาดนั้น มันลากกันเกิน 40 มันยิงกันแตะ 60 เฮ้ยๆๆๆ ทำไมเรายังตามไม่ทันโว้ย สังคมอันกว้างใหญ่ เพื่อนใหม่ก็แนะนำ ไอ้น้องชายเอ็งใช้ล้ออะไรอยู่ เห็นหัวลากทุกทีมไหมน้อง มีใครใช้ล้อขอบต่ำบ้าง ล้อขอบสูงนี่มันแอโร่ มันลู่ลม มันเหวี่ยง มันคือล้อของคนขาแรง อ่าวกูพลาดอะไรไป นี่หรือคือเคร็ดลับของเดชคัมภีร์เทวดาฝ่ามือไหมฟ้าดาบฆ่ามงกร เปิดอากู๋เช็คของด่วน พร้อมกับตาที่เบิกโพรง ล้อคาร์บอนแม่งแพงกว่าเฟรมกูอีก วงเงินบัตรก็ซัดซะเต็มแล้ว หันซ้ายหันขวาอยากได้เงินสดรถช่วยได้ คาร์ฟอร์แคชเชรดเขร้ เพื่อล้อคาร์บอนเพื่อการเป็นหัวลาก แค่นี่พี่ยอม จัดมาขอบสูง 40 ยางงัดราคาสมเหตุผลได้คาร์บอน ได้เบา ใส่แล้วสวย ยังไม่ทันได้ปั่นจิ้งจกก็ทัก เฮ้ยทำไมซื้อยางงัด หนักก็หนักเติมลมน้อย ขอบ 40 นี่มันล้อเป็ด อยากเป็นหงส์ต้องยาง Tubular ขอบ 50 ขึ้น ทำไมโลกจักรยานมันซับซ้อนจังหว่า เอาว่ะขายขอบ 40 กับล้อเก่าเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อไปให้สุดมุดลมให้มิด
หรือจะจึงอย่างที่มันว่า เจอขอบสูงเข้าไป AV ขยับ ความเร็วเขยื่อนไปกับเพื่อนสนุก แหมกว่าจะจบได้แทบเอาตีนกายหน้าผาก เราจบแต่เพื่อนไม่จบ เฮ้ยๆๆๆ เอาล้อขอบสูงมาใส่เฟรมเบาๆแบบ all round นี่มันไม่ใช่นะเพื่อน ล้อขอบสูงมันต้องจับคู่กับเฟรมแอโร่ มันจะเข้ามันจะซิ่งมันจะยิ่งเป็นจักรยานเฉพาะทาง สิ่งสุวรรณภูมิใครๆก็ไปแอโร่ มึงดูไปรอบๆ สิ อ่าวเฮ่ย นี่กูตาบอดหรือนี่มัวแต่ดูคนในทีมแต่ไม่ได้มองดูว่าคนทั่วไปเขาปั่นอะไร จริงด้วยเพี้ยนนนน สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านยังอยู่เข้ากู้ดอกถู๊กถูก 7 วันอนุมัติจัดหนี้ให้ทันที มาสิเมิงแอโร่ใช่มั้ย มาทางนี้มันต้องสุด เอาบ้านเข้าแบงค์ได้เงินก้อนโต อย่าว่าแต่รถแอโร่ หมวกก็แอโร่ แว่นก็แอโร่ ชุดก็แอโร่ รองเท้าก็แอโร่ กูโกนขนหน้าแข้งให้แอโร่ด้วย วิถีโปรหละกูเนี๊ยะ
เมื่อมันเต็มสูบประสิทธิภาพก็มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย มันก็ดีแต่มันก็เหนื่อยและหน่วงๆ หน่อย เพื่อนก็บอกเฮ่ยอย่าไปคิดมาก เปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่าสุดสัปดาห์ไปเขาใหญ่กัน รถแอโร่ล้อขอบสูงนี่มันผิดอะไรเหรอครับ ทำไมมันช่วงหนืด ช่างเหนื่อย ช่างเมื่อยเหลือเกิน เพื่อนร่วมทางก็เอ่ยทัก “แข็งแรงนะเอารถแอโร่มาขึ้นเขา” อ่าว…นี่กูพลาดอะไรอีก เพื่อนเจ้ากรรมก็เฉลยเคล็ดลับ นี่บอกแล้วไง ประกอบรถต้องชั่งน้ำหนักด้วย รถแอโร่เนี๊ยะดูคร่าวๆ น่ามีเกือบ 8 โล รถขึ้นเขาต้องเน้นเบาไว้ก่อน ต้องขึ้นต้นด้วย 6 โลนะ..จำไว้เพื่อน กู้บ้านมาเงินเหลือนี่ ไปทำรถเบาอีกคันไป เอาไว้มาขึ้นเขากัน ถ้ารักจะปั่นก็ต้องมีรถไว้สัก 2 คัน คือ…กูหนะรักการปั่นแต่เริ่มจะเกลียดมึงหละ เฟรมเก่า ล้อเก่า เราขายไปแล้ว นี่ก็ไปหากลับมาอีก แต่จริงอย่างที่มันว่า..กู้บ้านไปยังใช้ไม่หมด เอาของใหม่ไปเลยอีกคัน ดีเหมือนกันจะได้มีสลับกันใช้
มีหมดแล้วครับ คิดว่าสุดแล้วครับ จากนี้ไปคงแรงแล้วครับ ถือว่าไม่น้อยหน้าใครแล้วครับ ปรากฏว่าปั่นก็ยังหลุดกลุ่มอยู่ครับ เชรดดดดเป็ดดดด ก็อัพมาหมดแล้วนี่ เพื่อนคนดีจะว่าไง ใครบอกว่ามึงสุดแล้ว….เอ็งรู้มั้ยว่าขาแรงเขาซ้อมกันยังไง ไปศึกษาเรื่อง power meter ซะ การออกแรงเขาวัดกันเป็นวัตต์ ปั่นไปต้องมีไมล์ที่วัดหัวใจได้ ที่บอกกำลังถูกต้องแบบ real time แล้วอย่าคิดว่าจักรยานพวกนี้ธรรมดานะ ดูภายนอกไม่รู้หรอก เห็นจุดหมุนของจักรยานไหม ทุกจุดหมุนเขาโมด้วยลูกปืนเซรามิก ทั้งดุมล้อ ทั้งกะโหลกขาจาน ทั้งลูกรอกตีนผี ของดีเซรามิกล้วนๆ ลื่นเหนือเหตุผล ประหยัดวัตต์สุดติ่งเลยมึง ทันใดนั้นหัวใจก็เริ่มสูบฉีดอีกครั้ง มันอย่างนี้นี่เอง ในคัมภีร์วิเศษยังมีศาสตร์ลับที่มองไม่เห็น มองไม่ออกเลยว่าคันนี้ติดเพาเวอร์หรือโมด้วยเซรามิค ท่องยุทธจักรแล้วก็ต้องลองให้ครบ
เงินกู้บ้านก็หมดแล้วครับ เดินไปหน้าตลาดปากซอยเห็นป้ายกู้ด่วนโอนไวทันใจโจ๋ และเบอร์โทรที่แสนจำง่าย จัดปายยย…สะดวกโยธินเลยพี่น้อง โอนปุ๊บถอยปั๊บ โหย…มันเบาขาจริงๆ เบายันตัวและยันตัง อ่าวแล้วอีตัวเลขจาก Power meter มันบอกอะไรเราว่ะ ซื้อมาใช้ไม่เป็นก็ต้องถามผู้รู้ เพื่อนมันก็บอกว่ามันก็ไม่รู้ ของแบบนี้ต้องมีครู นักปั่นแรงๆ มีโค้ชทั้งนั้นแหละ ไปๆๆ เดี๊ยวพาไป เริ่มจากเจาะเลือดแบ่งโซนการซ้อม วัดระดับการใช้อ๊อกซิเจน หาค่าพลังจากการออกแรง ซึ่งมันต้องแลกมาด้วยรายเดือนที่จ่ายให้โค้ชเขาไป บัดนี้…ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมคนหนึ่งในวงการจักรยาน ถือว่ามาถูกทางและก็สุดทางหละ เมื่อตอนนี้เมียผมก็ไม่มี รถผมก็ไปแล้ว บ้านก็แบงค์ยึด แถมต้องหนีหนี้มาเฟียเบอร์สวยกล้วยทอด เห็นมั้ยว่าเรื่องผมแต่ละยุคสนุกไม่น้อยเลย…
มันแค่เรื่องกระเซ้าเย้าแหย่ให้ชวนหัวและชวนคิดกันครับ ว่ากว่าที่ทุกคนจะจบที่เสือหมอบคันรักในปัจจุบัน ม้นก็จะผ่านการอัพการแต่งการโมอย่างที่ผมได้หยอกบอกเล่ากันไป แต่ละยุคแต่ละอุปกรณ์ แต่ละสิ่งที่เราเลือกสรรหา ถ้ามันได้ผ่านการศึกษา การกลั่นกรอง และดูสมดุลของเงินในกระเป๋าที่เรามี ทุกยุคที่เราแต่งเติมเสริมรถ มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก เราจะพบกับความสุนทรีย์เมื่อขับขี่ ขอแค่ให้เราสนุกบนความสมดุลกันนะครับ เหมือนเวลาปั่นจักรยานเมื่อไหร่ที่ไม่สมดุลมันก็จะพาล้มเอานะครับ และจักรยานเวลาล้ม เราไม่ได้ล้มเพียงคนเดียว จะพาลพาคนข้างๆ ล้มตามกันไปด้วย