กาแฟ ศิลป์แห่งความหอมกรุ่นและรสละมุนลิ้น ความพิศมัยที่อยู่คู่กับจิตวิญญาณแห่งจักรยานมานานแสนนาน กลับกลายเป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้ผมได้คิดและต้องจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดที่ยังคงกรุ่นด้วยความคละคลุ้งแห่งเมล็ดที่ถูกคั่วบดมาอย่างพิถีพิถัน

วันนี้ ผมได้มีโอกาสพบปะกับชายคนหนึ่ง ที่หลงรักในจักรยานมากยิ่งกว่าที่ใครๆหลายๆคนจะนึกได้ เมื่อจักรยาน คือเพื่อนคู่ใจที่ช่วยให้เขาฟื้นคืนกลับมาสู่ชีวิตที่อยู่ต่อได้ และอยู่กับสุขภาพที่ดี หลังจากที่ต้องผจญกับปัญหาทางสุขภาพรุมเร้า จนแทบจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ และก่อนที่ก้าวสุดท้ายที่สายเกินไปจะมาถึง เขาตัดสินใจเข้ามาสู่ถนนของพาหนะสองล้อ และในไม่ช้า มันก็เป็นมากกว่าแค่กลไกที่เดินหน้าได้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้ว และด้วยชีวิตใหม่ ที่จักรยานได้มอบมาให้นี้ เขาจึงอยากจะมีโอกาสได้อยู๋ใกล้กับมันให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้ง อยากสร้างพื้นที่เล็กๆ ที่สามารถเป็นแหล่งพบปะของังคมคนรักการปั่นได้มีเวลาร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์และแรงบันดาลใจที่จะปั่นจักรยานต่อไปได้ด้วยกัน และแล้วโครงการที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาก็เริ่มดำเนินขึ้นบนสังคมการปั่นที่เป็นศูนย์รวมของวงการจาักรยาน

จากกระดาษนำเสนอโครงการที่ต้องผ่านการต่อสู้ เปลี่ยนแปลงอย่างยากยิ่ง ค่อยๆก่อร่างสร้างตัวให้เกิดเป็นแผนทางธุรกิจเพื่อเข้ามาเป็นพื้นที่เล็กๆส่วนตัว เพื่อส่วนรวมและความฝันของชายที่แบกเอาความลุ่มหลงเป็นเข็มทิศนำทาง ในที่สุด “ร้านกาแฟ” ก็คือปลายทางที่เขาวาดฝันขึ้นมา 

แน่นอนว่า ร้านกาแฟไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับการปั่นจักรยาน และในแหล่งรวมตัวของชาวนักปั่น ก็มีร้านกาแฟให้เลือกลิ้มกันอยู่มากมายอยู่แล้ว แต่เพื่อให้ที่นี่คือจุดร่วมของความรักในจักรยานและความภิรมย์ของรสกาแฟชั้นเลิศ ร้านกาแฟในลักษณะของความพิเศษ พรีเมี่ยม จึงเป็นสิ่งที่เขานำเสนอออกมา และด้วยไอเดียที่น่าสนใจ ที่นั่นไม่ใช่เพียงพื้นที่ของคนรักในกาแฟดีๆเท่านั้น แต่มันคือการออกแบบเพื่อตอบสนองกับคนปั่นจักรยานอย่างแท้จริง แน่นอน มันเกิดจากดีเอ็นเอของคนที่รักในจักรยานจนมองดูรายละเอียดทุกอย่างให้เหมาะสมที่สุด แม้แต่วัสดุปูพื้น ก็เลือกใช้วัสดุที่ไม่ลื่นเมื่อยามที่คุณต้องเดินถือแก้วกาแฟปริ่มๆไปบนรองเท้าปั่นแข็งโป๊ก และไม่กัดกร่อนเนื้อคลีทให้สึกลงเร็วกว่าปกติ ตลอดจนบรรยากาศของร้าน ที่เน้นให้คนที่เข้ามามีมุมสนทนา นั่งพูคคุยกันได้ แลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ 

โซ่ คุณจะได้พบกับเรื่องราวมากมายที่ร้านนี้มอบให้ ทางเดินของเมล็ดกาแฟ เริ่มต้นด้วยความประทับใจในวันเปิดตัว เมื่อทั้งร้านแน่นขนัดไปด้วยมิตรรักนักปั่น ที่พากันเข้ามาลิ้มลองสัมผัสกับรสชาติของกาแฟที่คั่วมาอย่างละเอียดอ่อน แน่นอนว่า นี่อาจไม่ใช่กาแฟราคาตลาดทั่วไป ดั่งเช่นเฟรมคาร์บอนชั้นยอด ที่มาของความพิเศษก็ย่อมต้องมีรายละเอียดที่ไม่ธรรมดา

และแล้วภาพฝันที่วาดไว้ ภาพที่อยากเห็นสังคมเล็กๆเติบโตขึ้น ภาพที่อยากเห็นความเติบโตก้าวหน้าจนวันหนึ่งฝันจะนำเอาโลโก้ร้านของเขา ไปวางเอาไว้บนเสื้อของทีมแข่งสักทีม เพื่อเป็นส่วนร่วมเล็กๆให้กับฝันของนักปั่น โลดแล่นไปบนถนน เพื่อย้ำตอบว่า นี่คือความฝันที่เขาสร้างขึ้นมาเคียงคู่กับมนต์เสน่ห์ของจักรยานที่เขารัก ก็มีอันต้องพบกับอุปสรรคที่เป็นม่านหมกบดบังภาพเบื้องหน้า เหมือนดั่งฝุ่นทะมึนที่บั่นทอนกำลังบนเส้นทางฝันอันยาวไกล

คุณเคยรู้หรือไม่ว่ากาแฟสักแก้วนั้น มีต้นทุนและกำไรเมื่อหักค่าใช้จ่ายจิปาถะเหลือเท่าไหร่?

นี่คือสิ่งที่ผมได้รับฟังเรื่องราวแล้วต้องตกใจ เพราะหลายๆคนคงจะนึกได้ไม่ยากเลยว่า กาแฟเป็นหนค่งในธุรกิจที่มีส่วนต่างต้นทุนวะตถุดิบและราคาขายที่มากมายอันดับต้นๆเลย ทว่าในส่วนต่างนั้น สิ่งที่แฝงอยู่คือต้นทุนที่การประกอบการสถานที่สวยงาม บรรยากาศสอดคล้องความละไม รวมถึง ค่าฝีมือบาลิสต้าชั้นนำ ที่ต้องลงฝีมือให้เต็มที่ตั้งแต่การคั่วเมล็ดให้พอเหมาะ และแน่นอนว่า เมล็ดกาแฟดีๆ มันไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ในราคาเพียงหยิบมือ ดังนั้น เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อก็ถูกเปิดเผยขึ้นมา เมื่อกาแฟยิ่งพรีเมี่ยมเท่าไหร่ ยิ่งมีสัดส่วนของผลกำไรลดน้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนที่คุ้มค่า คุณลองคิดเล่นๆดูสิครับว่า กาแฟแก้วละ 50 บาท คุณจะได้กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วเหลือราวๆ 8 บาท ส่วนกาแฟแก้วละ 150 ก็ได้ส่วนต่างกำไรราวๆ 20 [าท โดยมีปริมาณการขายที่น้อยกว่าหลายเท่าตัว

อาจจะฟังแล้วไม่เห็นภาพ แต่ลองจินตนาการว่า ภาพฝันของเขาที่วางเอาไว้บนพื้นฐานของกลุ่มนักปั่นระดับพรีวิลเลจราว 3% ของประชากรนักปั่นในศูนย์รวมดวงใจคนปั่นที่วางฝันตัวเลขกันที่ 120,000 รายต่อเดือน คำนวนออกมาเป็นการขายกาแฟเดือนละ 3,600 แก้วเท่านั้นเอง ทว่าในความเป็นจริง โลกมันเลวร้ายกว่านั้นมาก เพราะตัวเลขดังกล่าว กลับเป็นเพียง “เลขฝัน” ของเจ้าของพื้นที่ ที่ขาดความเข้าใจถ่องแท้ในเรื่องของการปั่นจักรยาน และห่างไกลจากมุมมองของสถานการณ์จักรยานที่เป็นจริง เมื่อตัวเลขประชากรการเข้าใช้พื้นที่ปั่นที่เป็นจริงเหลือเพียง 40,000 ครั้งต่อเดือน ก็เท่ากับว่าสัดส่วนในการขายก็จะเหลือมูลค่าราวกาแฟ 1,200 cก้วเท่านั้น

เพื่อให้ฝันดำเนินต่อไปได้ ในที่สุดเขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอด

ไม่ต่างจากการปั่นไปบนเขาสูงชันด้วยความล้ากรอบเต็มทน ด้วยตะคริวที่เกาะกินมัดกล้ามจนแทบเดินต่อไปไม่ได้ ตัวเลขของการแบกรับความเสียหายระดับหกหลักต่อเดือน ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อลง เขาตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์เบา ปรับการปั่น มองเป้าไปที่การขายสินค้าที่ครอบคลุมตลาดให้กว้างขึ้น ลดต้นทุนและปรับแผนการบริหารจัดการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถลดลงได้คือ”คุณภาพ” ของกาแฟอันเป็นหลักสำคัญของร้านที่สร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่ง ตามครรลองอันเป็นไปของการทำการตลาด

เราปั่นจักรยานไปเบื้องหน้า อุปสรรคที่เราต่อสู้ มีเพียงเส้นทางเท่านั้น แต่บนเส้นทางธุรกิจกาแฟนี้กลับวิบากกว่าที่เรารู้จักกัน เมื่อปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้น การวางนโยบาย การแบ่งผลกำไร การคาดหวังยอดเงิน ของเจ้าของพื้นที่ กลับกลายมาเป็นกำแพงที่ทำให้ทางเดินไปสู่ฝันของเขาไม่สามารถเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็ดูเหมือนเป็นทางตั้นไปเสียทั้งหมด และแล้ว ฝันที่ลุกโชนด้วยไฟแรง ที่ไม่เคยมอดแม้วินาทีสุดท้าย ก็ต้องถูกดับลงด้วยแรงสาดใส่ของสถานที่ๆเขารัก สถานที่ ที่เคยมอบชีวิตใหม่ให้เขาได้เข้ามาหลงรักกับจักรยาน

“ทุกๆโค้งของทางปั่น ผมรู้สึกว่ามันมีความทรงจำแฝงอยู่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง สมาธิของผมจะอยู่กับลมหายใจและจังหวะการปั่นไปข้างหน้า”

ความประทับใจที่เป็นความรัก ไม่สามารถประวิงให้เขา และร้านกาแฟที่เขารักอยู่ต่อไปได้เสียแล้ว และเมื่อถึงวันที่ต้องตัดสินใจ เขาต้องยอมจากพื้นที่นี้ จากความฝันและปิดฉากสังคมเล็กๆที่อบอุ่น แต่ไม่แข็งแรงพอจะสู้ต้านทานกับปัญหารุมเ้ร้ารอบตัว ที่ทิ่มกระหน่ำรอบด้าน

เราเคยคิดกันว่า การกำเนิดของ”ศูนย์รวม” สังคมจักรยานใหญ่ที่รองรับคนระดับนับหมื่น นับแสนคน จะเป็นนิมิตหมายอันดีเยี่ยม ที่จะส่งให้สังคมจักรยานที่ไม่เคยทำร้ายใคร เดินหน้าเติบโตผ่านคลื่นลมที่ถีบโยนให้ขึ้นลงตามกระแสเศรษฐกิจไปได้ หากแต่มุมมองบางอย่างที่มองภาพของล้อเรียวบาง ยางเส้นเล็ฏ ที่วิงไปบนถนนสีสดใส กลับผดเพี้ยนไปจากความนึกคิดของผู้ที่นั่งอยู่บนอาน เมื่อความบิดเบี้ยวของตัวเลขที่เรียกกันว่า”รายได้” เข้ามาฉีกทิ้งให้ธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับจักรยานต้องล้มพับ ในวันที่ท้องทะเลไม่ได้ราบเรียบเช่นนี้ คำถามที่ผเห็นมันผุดขึ้นมาในห้วงแห่งความคิดของผมคือ

ฤานี่คือการซ้ำเติม เหยียบย่ำซ้ำให้จมดิน ของผู้ที่นั่งอยู่บนยอดหอคอยสูงที่ปราศจากความเข้าใจในความเป็นไปของจักรยาน อยู่กับมูลค่าและการประเมินรายได้ของจินตภาพที่ไม่เป็นจริง

ผมวางแก้วกาแฟเล็กๆนี้ลง พร้อมกับกลิ่นของกาแฟที่ยังอบอวลอยู่ในลมหายใจ แววตาของชายผู้นี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนับแต่แรกเห็น เขายังคงเต็มไปด้วยไฟ ในความลุ่มหลงในจักรยาน ไม่ต่างไปจากผม แม้ว่าฝันของเขาจะถูกกระทืบจนต้องจมดินไปในไม่ช้า แต่คำตอบที่ผมได้ยินจากเขา ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงยิ่งกว่าอำนาจของคาเฟอันในกระแสเลือด  เมื่อปุจฉานั้นส่งไปว่า คุณจะยังคงรักจักรยาน รักในเส้นทางปั่นและพื้นที่นี้อยู่หรือไม่?

“ผมจะยังปั่นจักรยาน ยังปั่นจักรยานที่นี่ และยังรักในเส้นทางนี้ ที่มอบชีวอตและช่วงเวลาดีๆที่ผมได้รับ”

วันหนึ่งกลิ่นกาแฟจะจางหายไป พร้อมกับภาพฝนที่ไม่มีวันเป็นจริง แต่นี่คือก้าวหนึ่งของเรื่องราวแวดล้อมจักรยานที่หลายคนมองข้าม และมันสะท้อนความเป็นไป ของระยะทางที่ผ่านมา เส้นทางที่เราทุกคนร่วมโลดแล่นไปด้วยกันพร้อมกับความ เจริญ ในสุขของหัวใจอันสวยงาม

January 24, 2019 cyclinghub 0 Comment