
คริส ฟรูม นักปั่นที่น่าจะดังที่สุดในยุคนี้ เป็นชื่อที่แฟนจักรยานจะต้องได้ยินกันมาตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในปีนี้ ที่มีกระแสให้ลุ้นกันอย่างสุดโก่งว่า เขาจะพ้นไปจากกรณีสารกระตุ้น อันเป็นดราม่าใหญ่ของวงการจักรยานตลอดมา และอย่างยิ่ง ฟรูม ผู้ชูภาพของการเป็นนักจักรยานที่ขาวสะอาด มากับทีมที่ต่อต้านการช้สารกระตุ้น และ เปิดโลกทางวิทยาศาสตร์ทางการกีฬาแบบใหม่ ทั้งหมดนี้ล้มล้างภาพเก่าๆของ แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่ทำให้โลกต้องสนั่นด้วยการออกมาสารภาพว่าใช้สารกระตุ้นเพื่อโกงการแข่งขันจริง อันส่งผลให้ผู้จัด ตูร์เดอ ฟร็ฮงซ์ ประกาศยกเลิกตำแหน่งแชมป์ทั้งเจ็ดปีของเขาไปในที่สุด แต่แล้วก็โ้วยเหตุนั้นเอง กระแสข่าวลือว่าผู้จัดการแข่งขัน (เอเอสโอ) มีท่าทีต่อต้านคริส ฟรูม ไม่อยากให้ลงแข่งในรายการสำคัญของตนในปีนี้ ก็บังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆนักปั่นเป็นอันมาก ด้วยภาพของ “ฟรูมมี่” ที่แสนดี และขาวสะอาด อยู่ในหัวใจของพวกเขา การมีท่าทีดกันเช่นนี้ ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับการลบเอาตัวเต็งออกไปจากการแข่งเพื่อความสะใจ หรือจะเพราะพวกเขามีท่าทีสนับสนุนใครก็ตามที่ไม่ใช่นักปั่นฝรั่งเศสที่มีโอกาสชนะการแข่งสำคัญนี้ ทั้งหมดนี้เป็นหนามคาใจแฟนจักรยานมาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ เกร็ก เลอม็องด์ มาค้าน่องอยู่ในยุโรปแรกๆ โลกก็ได้เห็นท่าทีของอาการไม่ต้องรับอย่างออกหน้าออกตามาแล้ว แต่ เรื่องราวภายในจะเป็นเช่นไร
วันนี้ ผมขอมาเล่าสิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยมา ล้อมวงเบียร์และไวน์แบบเบาๆ กับแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยที่มา รวมถังทรรศนะจากคนในวงการจักรยานของประเทศต่างๆ อาจจะได้จุดสังเกตางอย่างที่ส่อเหตุผลว่าทำไม ผู้จัด จึงดูมีท่าทีแข็งกร้าวกับพ่อหนุ่ม คริส ฟรูม ขนาดนี้ ย้อนกลับไปในช่วงสิบปีที่ผ่านมา วงการกีฬาจักรยานถูกกระแสสารกระตุ้นกระหน่ำอย่างรุ่นแรง เริ่มจากนักแข่งตัวหลักของการแข่งขัน ถูกตัดสินว่าผิดกลางการแข่งรายการสำคัญ ไปจนถึงการประกาศยกเลิกผลการแข่งของแชมป์หลังจากที่ตรวสจสอบได้ว่ามีการใช้สารกระตุ้นย้อนหลัง ซึ่งนั่นเองส่งผลอย่างหนักมากสำหรับวงการแบบที่คุณอาจไม่เชื่อ วลีเก่าที่ว่า “ใครๆเขาก็ทำกัน” เป็นเพียงคำพูดของแฟนๆจักรยานรุ่นเก๋า ที่มองภาพรวมในด้านที่ตนเคยชิน แต่สำหรับคนในวงการเชิงลึก กลับประสบปัญหาจากกรณีสารกระตุ้นกันอย่างสาหัสเลยทีเดียว ทีมจักรยานหลายๆทีม ไม่สามารถหาผู้สนับสนุนได้อีก นั่นก็เพราะอัตราคนดูการแข่งจักรยานลดลงอย่างน่าตกใจ เมื่อการแข่งกีฬานี้ ไม่มช่เรื่องของควสามบันเทิงอีกต่อไป สำหรับคนยุโรป กีฬาจักรยาน คือกีฬาที่บันเทิง บันเทิงจากการแข่งขัน บันเทิงจากความเหนือคนของนักปั่นเหล่านั้น แต่เมื่อสุดท้าย พวกเขาก็เป็นเพียงอาวุธชีวภาพจากสารเคมี และเทคโนโลยีแบบอาเวนเจอร์ ผู้คนก็ฌริ่มหน่ายหนีไปจากกีฬานี้
เมื่อคนดูน้อยลง แน่นอนว่าผู้สนับสนุนก็ไม่อยากลงทุนกับการทำทีมหรือสนับสนุนนักกีฬาอีกต่อไป ระโตอีกไม่น้อยแต่ก็ไม่สามารถต้านทานรายจ่ายเงยหน้าอ้าปากขึ้นมาได้ ซึ่งส่งผลกรทบโดยตรงกับแวดวงกีฬาจักรยานอย่างที่ยากจะคาดถึง เพราะตลอดที่ผ่านๆมา ก็โด๊ปกันมาตลอดนี่ ใครๆก็คิดเช่นนั้น แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ตามทันศาสตร์ด้านมืด สื่อที่รวดเร็ว เจาะลึกและเข้าถึงได้มาก ช่วยกันประโคมข่าว ข่าวพฤติกรรมเล็กๆของวงการกีฬาชนิดนี้จึงใหญ่ขึ้น รวมถึงนักปั่นระดับตำนานที่ดังจากกีฬานี้ เป็นฮโร่ของมนุษยชาติที่ออกมาต่อต้านกับโรคมะเร็งร้าย ก็ทำให้แฟนรู้สึกโดนหักหลง ตบหน้าดังฉาดด้วยรองเท้าคลีทเป็นกระแสต่อมา กระแสนี้เล่นเอาวงการจักรยานสั่นสะเทือน ไม่ใช่สะเทือนจากดราม่าแบบที่คนไทยนิยม แต่มันสะเทือนถึงขั้นการประกาศถอนการสนับสนุนทีมใหญ่ของบางแบรนด์ที่รู็สึกว่าภาพของกีฬานี้ไม่สวยงามอีกต่อไป ไปจนถึงการแข่งบางรายการต้องถูกระงับเอาไว้เพราะผู้สนับสนุนหลักเกรงว่าพวกเขาจะเสียหน้าไปด้วยหากมีนักกีฬาไม่สะอาดมาเข้าร่วม
เรื่องหนักที่สุดที่เราคาดกันไม่ถึงคือ ในช่วงนั้นเอง มีชาติหนึ่งยกเลิกระบบการแข่งอชีพไปกลายๆ ด้วยการประกาศงดรายการใหญ่ที่สุดของประเทศตนเอง จากสปอนเซอร์หลัก ทีมอาชีพก็ถูกระงับกิจกรรม เนื่องจากผู้สนับสนุนในประเทศรวมตัวกันบีบให้วงการจักรยานต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเหตการณ์นี้เพิ่งคลี่คลายมาได้ไม่นาน จนพวกเขามีทีมจักรยานอาชีพระดับสูงสุดกลับมา แบรนด์สินค้าเริ่มสนใจสนับสนุนทีมและรายการต่างๆอีกครั้ง เราจึงได้เห็นแชมพูยี่ห้อดังเข้ามาทำทีมจักรยานอย่างต่อนเื่องในระยะหลังๆมานี้ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของววงรอบที่เกิดขึ้น กระแสสารกระตุ้นในรายการสำคัญทำให้
ในครั้งหนึ่ง เยอรมัน ยกเลิกการถ่ายทอดรายการแข่งสำคัญระดับ ตูร์เดอฟร็องซ์ ในประเทศทุกช่องทาง คนดูที่ยังคลั่งไคล้ต้องพากันหาช่องทางส่องอย่างยกใหญ่ ส่วนคนทั่วไปที่ติดตามกีฬาจักรยานแกล้มเบียร์คงไม่ได้เดือดร้อนมาก เพราะในปีนั้น ยอดเรทติ้งการชมจักรยานตกต่ำอย่างน่าใจหาย และเมื่อตกต่ำขนาดนั้นเอง เจ้าของสิทธิการถ่ายทอดจึงตัดสินใจไม่เสี่ยงที่จะเจ็บตัว นับเป็นมูลค่าความเสียหายระดับที่ยากจะประมาณการได้เลยทีเดียว และนี่คือเนื้อหาที่มาทั้งหมดที่ทำไมผู้จัดรายการใหญ่ จึงดูมีท่าทีปกป้องรายการตนเอง จากนักปั่นที่”น่าจะ” มีแนวโน้มที่จะเอาชนะมาได้อย่างไม่สะอาดสวยงามนัก พวกเขาเป็นเพียงผู้จัด ที่ต้องให้นักกีฬาได้สิทธิเข้าร่วมด้วยกลไกที่สมาพนธ์ผู้ทำหน้าที่ควบคุมได้ออกแบบเอาไว้ เมื่อนักปั่นยังดูมีท่าทีสีเทาๆแบบนี้ พวกเขาจึงเสมือนผู้แบกรับความเสี่ยงต่อความเสียหายเป็นคนแรกๆก็ว่าได้
ในขณธที่ไม่ว่าจะเป็นสมาพันธ์ผู้ดูแลการแข่งกีฬานี้ หรือองค์กรที่ควบคุมการใช้สารกระตุ้น ก็ยังไม่สามารถตัดสินอะไรชัดเจนลงมาได้อย่างเต็มปาก มันจึงเป็นเรื่องโอละพ่อที่หาทางลงกันไม่ได้นั่นเอง เพราะถ้าไอด้อลของความขาวะอาด มาถูกจับได้ย้อนหลังในอีก
สิบปีข้างหน้าว่า ผลงานการเอาชนะในช่วงยุคทองของเขา มีจากศาสตร์ด้านมืดของวงการกีฬา มันอาจเป็นจุดล้มเหลวที่ยากจะกู้กลับมาได้ของวงการจักรยานที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น