เมื่อจักรยานผลิบานในกระแสสังคมราวค่อนทศวรรษก่อน เราได้เห็นบรรดา ดารา กลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางความคิดก้าวเข้าสู่กระแสของจักรยานกันอย่างต่อเนื่อง ผสมกับ แรงขับเคลื่อนของก้าวแรกแห่งกระแสสุขภาพดีที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้มีประชากรมากมายหลั่งไหลเข้าสู่โลกของจักรยานอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีสาวๆ ที่ก้าวเข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ แนวหน้า ของกระแส อยู่ด้วย เรื่องนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนแรกที่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่มันคือ จุดแรกเล็กๆ ที่กำลังพัฒนาไปสู่ความเข้มข้นของตลาดโปรหญิงในเวลาต่อมา

 

เดิมทีนั้น ประชากรจักรยานเป็นชายเสียมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดนักปั่นโลกนั้น จักรยานและอุปกรณ์ต่างๆ จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ชายเป็นส่วนใหญ่  เพราะกิจกรรมนี้ กีฬานี้ ดูเหมือนจะเป็นโลกของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (คล้ายๆ กับยิมนาสติก ที่คุณจะนึกถึงผู้หญิงมาก่อนผู้ชาย) เมื่อกระแสของจักรยานออกกระจายสู่สังคมส่วนมาก ขยายจากกลุ่มคนรักจักรยานที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ก็เริ่มมีผู้หญิงที่สนใจในกิจกรรมนี้เข้ามาเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเรื่องปกติ ที่ “พวกเธอ” จะค่อยๆ อินกับจักรยรยานมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมาแบบเดี่ยว มาแบบกลุ่ม หรือมาแบบคู่ก็ตาม

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของโลกนี้คือ “สาวนักปั่น” ที่แลดูสบายตา งามใจ จากกลุ่มนักปั่นชายห้าวหาญที่อยู่กับสาวแนวเพียงไม่กี่คน เริ่มเต็มไปด้วยสตรีเพศที่ช่วยให้ถนนเบิกบานไปด้วยเหล่าบุปผาหลากสีสันละลานตา จนเกิดเพชรที่ส่องประกายออกมาโดดเด่นสะดุดตา ร่วมกับการกำเนิดที่ยืนอย่างแข็งแกร่งของ”โซเชียลเน็ตเวิร์ค” ซึ่งผุดกระจายตัวเร็วเสียยิ่งกว่ากระแสใดๆในเวลานั้น ทั้งสองประกานี้ช่วยกันหนุนให้เกิด “นางฟ้านักปั่น” หรือาสวนักปั่นที่มีคนติดตามมากมาย กลายเป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดยุคใหม่ ที่เรียกกันชัดๆว่า “อินฟลูเอนเซอร์” ซึ่งกลยุทธนี้กลายเป็นทัพหลักของธุรกิจจักรยานไทยในเวลานั้น

 

ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เริ่มเกิดสาวนักปั่นที่จริงจังกับจักรยานมากไปกว่าแค่การออกกำลังกาย เริ่มติดใจกับกีฬาชนิดนี้ ปั่นเป็นจริงเป็นจัง และกลายเป็นนักปั่นสาวที่แข็งแกร่ง ถึงขั้นที่พวกเธอบางคนแรงยิ่งกว่าหนุ่มที่ชวนมาเข้าวงการเสียอีก จนเริ่มมีทีมจักรยานที่เน้นไปทางการกีฬาเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เพิ่มประชากรนักกีฬาจักรยานหญิงเขาไปทีละนิดละน้อย จากเดิมที่นักปั่นหญิงในเวทีการแข่งขันมีเพียงกลุ่มเดียวซึ่งก็แข่งกันอยู่ในแวดวงแคบๆ ระดับประเทศ ก็เริ่มมีนักปั่นสาวทั้งวัยใส วัยกลางคน วัยสะพรั่ง วัยโรย ที่แกร่งแข็งแรงดี ก้าวเข้ามาเป็นนักปั่นสาวของแท้มากขึ้นเรื่อยๆ และแล้ว เมื่อกระแส “นางฟ้า” นักปั่น เริ่มโรยราลงมา การนำเสนอผ่านสาวนักปั่นขาแรงก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บรรดาธุรกิจจักรยานใช้เป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้าของตน จนถึงจุดพีคสุดของวงการนักปั่นสาว เมื่อเกิดการแข่งในระดับสมัครเล่นที่เปิดโอกาสให้มีทีมจักรยานหญิงเข้ามามีส่วนร่วมได้ สโมสร ชมรม กลุ่มต่างๆ จึงเริ่มต้นขยับตัวส่งนักปั่นสาวๆ ที่ตนเองมีอยู่ พวกเธอที่แรงในการแข่งระดับพื้นที่ ก็ได้เข้ามาประชันฝีเท้ากันอย่างสนุกสนานมากขึ้น ซึ่งในที่สุด ก็เริ่มมีสาวนักปั่นมากมายที่ก้าวขยับจากเวทีนักปั่นขาแรง ไปสู่การก้าวขึ้นหัวแถวของนักจักรยานหญิงในที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ “องุ่น เมียโปร” จากจุดเริ่มต้นสู่ทีมชาติ หรือ “น้ำอิง บิงซู” สาวน้อยที่สะเทือนวงการกีฬามหาวิทยาลัย จนเข้าร่วมงานแข่งระดับ UCI ได้สำเร็จ และ “ป้าหนู” ตัวแทนของสาวรุ่นใหญ่ที่ยังคงแรงด้วยความหลงใหลในจักรยาน พวกเธอเหล่านี้ ในเวลานี้ ได้หลอมสลายรวมตัวกันอย่างกลมกลืน ในกลุ่มของสาวนักปั่นที่ทั้งเอาจริงเอาจัง แข็งแรง และโดดเด่นด้วยหน้าตาจนมีผู้ติดตามมากมาย ในขณะที่ก็ยังมีสาวๆ นักปั่นที่เด่นไปในด้านของบุคลิกภาพและการนำเสนอความเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “ปูนิ่ม” ป้าแห่งวงการนางฟ้านักปั่นที่อยู่ค้ำฟ้ามาสองพันปี หรือ “ถุงแป้ง” สาวตาแป๋วที่หนุ่มๆ นักปั่นคอยมองตาม เวลาเธอมุ่งหน้าไปสู่เส้นชัยโดยไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะคว้ารางวัล หรือ “อุ๊-ยุ้ย” คู่หรูดูดีงาม ที่ยังคงเสน่ห์แบบมีระดับมีเสน่ห์สำหรับทั้งชายและหญิงที่มองหาแรงบันดาลใจ กับอีกหลายๆ ชมรมหรือทีมที่เน้นไปทางสุขภาพที่ดี เอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำแม้จะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความเป็นเลิศทางกีฬา ทั้ง “ทีมลองเลก” หรือ “ฮักมี”

 

เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจักรยานในปัจจุบันนี้ และจะเป็นรากฐานการพัฒนาไปสู่อนาคตของสังคมจัรกยานที่แตกต่างออกไป บทบาทของสาวนักปั่นที่แปรเปลี่ยนไปตามกระแสของสังคมที่มอง และเลือกใช้พวกเธอ ปลุกคลื่นต่างๆ ของวงการเล็กๆ ให้ขยับเขยื้อน จะเดินไปทางไหนต่อไป ก็คงยากจะคาดเดามาบอกเล่ากันได้ แต่ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่า ในลึกๆ ของหัวใจสาวนักปั่นทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะโด่งดังหรือปั่นเงียบๆ อยู่ที่ไหนในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาขาแรงหรือปั่นสนุกสนานชมวิวรับลม ก็มีความหลงใหลในสิ่งที่เรียกว่าจักรยานไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย เพราะจักรยาน ได้เปลี่ยนจาก “big boy’s toy” มาเป็นเพื่อนที่แสนดีของพวกเราที่ยังคงปั่น และจะปั่นจักรยานต่อไป

October 14, 2019 cyclinghub 0 Comment