
หลายเดือนที่ผ่านมา เราได้ยินคำว่า “จักรยานขาลง” กันในสื่อโซเชียลมากมาย สะท้อนให้เห็นมุมมองของผู้คนในสังคมสองล้อ ที่ท้อและถอยกับการจากไปของกระแสจักรยานที่แสนสวยงาม เบ่งบานเป็นทุ่งดอกทานตะวันยามฟ้าใส เกิดกำเนิดธุรกิจและเจ้าสัวในวงการหน้าใหม่เข้ามาอย่างุ่นหนาฝาคั่ง และดอกเห็ดต้องยอมแพ้ให้กับร้านจักรยานที่ผุดขึ้นมาแซงหน้าอย่างเงียบๆ แต่แล้วเมื่อวันเวลาของความสดใสผ่านพ้นไป ราวกับเมฆทะมึนเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมจนเกิดความวิปโยค เพียงชั่วข้ามคืน ร้านจักรยานก็ล้ม หาย ตาย จากกันไปเป็นแถบ จักรยานจึงเข้าสู่ขาลงอย่างน่าเจ็บใจ
แต่นี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนที่บ่งบอกลางร้ายอย่างที่เราคิดกัน เพราะแม้ภาพรวมจะเป็น”ขาลง” ขาลงของร้านขาย ขาลงของการค้าขาย แต่มันคือเส้นทางเดินของสัจธรรมแห่งการดำเนินต่อไปของฟันเฟืองและโซ่ ไม่แตกต่างจากธรรมแห่งการมีอยู่และดับไป เพราะในอดีตที่ผ่านมาย้อนหลังไป 30 ปี จักรยานเติบโตขึ้นแบบฟันเลื่อยมากกว่าการไหลผ่านของคลึ่นขึ้นลง ทุกครั้งที่มีกระแสพุ่งขึ้น จะตามมาด้วยการตกลงหรือคงอยู่ และทะยานขึ้นใหม่อีกครั้ง ในวงรอบของจักรที่ราว 12-15 ปี และสิ่งที่สำคัญที่สุด ประชากรจักรยาน ไม่เคยลดลงไปเลย ทุกครั้งที่มีการเพิ่มเติบโต เมื่อเข้าสู่จุดลดต่ำ ก็ไม่เคยลดต่ำไปกว่าต้นกำเนิดก่อนเติบโตนั้น
คุณยังจำได้หรือไม่? เมื่อวันที่ดาราหันมาปั่นจักรยานกัน (2556)
คุณยังจำได้หรือไม่? ในวันที่เสือหมอบเข้ามาแทนที่เสือภูเขาทางเรียบ (2551)
คุณยังจำได้หรือไม่? เมื่อวันที่เสือภูเขาคือของเล่นยอดฮิตของนักพจญภัย (2543)
คุณยังจำได้หรือไม่? เมื่อจักรยานและการท่องเที่ยวเข้ามาคู่กัน (2535)
ในวันที่ประเทศไทยมีร้านจักรยานน้อยยิ่งกว่าร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง เราต้องไปหาซื้อจัรกยานกันตามบ้านของนักปั่นอดีตทีมชาติที่ขายสินค้าหิ้วหอบจากเมืองนอกเล็ดรอดเข้ามาขาย มีแบรนด์ มีสี มีขนาดให้เลือกกันไม่กี่แบบ เทียบแล้วตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา เราก้าวเดินมาไกลกว่าที่จินตนาการจะนึกได้ จนถึงวันนี้เรามีจักรยานแบรนด์ต่างๆขายอยู่ในตลาดมากมาย มีสี ขนาด รูปแบบให้เลือกอย่างเต็มที่ สินค้าใหม่เปิดตัวในประเทศไทย พร้อมๆกับต่างประเทศ และร้านจักรยาน มีมากกว่าร้านซ่อมรองเท้าเข้าไปแล้ว นี่ไม่ใช่จุดตกต่ำอย่างที่คิดกันหรอก มันคือการกลับเข้าสู่ระยะเตรียมพร้อม เสถียรภาพแห่งความสมดุลย์ ดุลยภาพที่จะรอแรงผลักดันให้ทะยานขึ้นในวันต่อๆไป ถ้าคุณมองในมุมมองของจักรยาน ที่เห็นในระยะเวลา 5 ปี มองในมุมของการค้าขายปลีก แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกว่านี่คือก้นหุบเหวร้าย ที่นอนจมกองเลือดรอแร้งกามาฉีกทึ้ง
แต่มองออกไปให้กว้างไกล คุณจะเห็นขอบฟ้าสดใส ภูมิทัศน์ของเมืองเบื้องล่างที่ไกลสุดสายตา และถนนยาวเส้นบางลัดเลาะตามแนวเขาผ่านยอดเขาต่างๆมาจนถึงที่ๆเรายืนอยู่ นั่นคือเส้นทางที่เราปั่นมมาด้วยกัน และลองมองรอบๆตัว จากวันแรกที่เริ่มเดินทางมาตัวคนเดียว ตอนนี้เรามีเพื่อน มีพี่ มีน้อง ที่กำลังจะปั่นต่อไปด้วยกัน มองเห็นภูเขาสูงชันอยู่ข้างหน้า และไม่กลัวที่จะผ่านพ้นไป