The Race Of Truth เป็นนิยามของการแข่งไทม์ไทรอัล ที่วัดกันได้ชัดเจนที่สุดว่าใครจะแกร่งไปกว่ากัน ว่ากันว่า แชมป์ ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ต้องพร้อมสรรพไปด้วยความสามารถในการไต่เขา และต้องขี่เดี่ยวไทม์ไทรอัลได้ดีเยี่ยม เพราะการปั่นเดี่ยวนี้เอง ที่จะเป็นตัววัดผลสำคัญว่าใครจะมีเวลารวมแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และในปีนี้ ผู้ชนะในเสตจไทม์ไทรอัล ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เสื้อเหลือง ผู้นำเวลารวม จูเลียน อลาฟิลิปป์ นั่นเอง

แฟนๆส่งเสียงเชียร์ว่า ในวันนี้ แกเร็นต์ โธมัส แชมป์เก่าจากทีมอินิออส น่าจะทวงเวลาคืนมาได้ และแสดงให้เห็นว่าใครจะหมู่จะจ่า เพราะ แฟนจักรยานที่เพิ่งเริ่มทำความรู้จักกับกีฬานี้ในช่วง 6-7 ปีล่าสุด คงจะชินกับภาพความสำเร็จของทีมสกาย และนักปั่นจากสหราชอาณาจักร ทว่า ผลการแข่งในวันนี้เอง ย้อนกลับมาให้เราได้เฆ็นอีกครั้งว่า นี่คือการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่นักแข่งมีความสุสีกันมากขึ้น โอกาสจะเกิดนักแข่งที่ประสบความสำเร็จจากแผนพัฒนาระยะยาว และทีมเวิร์ค มีมากกว่าเมื่อก่อนที่มีทีมใหญ่ยึดครองความเป้นเจ้าการแข่งขันอยู่ทีมเดียว

ระยะทางการแข่งขัน 27.2 กม. อาจดูไม่ไกลเท่าไหร่เทียบกับที่หลายๆวันปั่นกันมาเป็นพันกิโลเมตรเข้าไปแล้ว แต่ระยะทางเพียงเท่านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะเกิด”ระยะห่าง” เวลาที่ทำได้แตกต่างกันของนักปั่น และสร้างให้เราได้เห็นกลุ่มนักปั่นสำคัญที่เรียงลำดับอยู่ในสิบอันดับแรกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มตัวเต็งสำคัญของแต่ละทีม ต่างก็ทำเวลามาได้ในอันดับต้นๆทั้งสิ้น นำมาโดย จูเลียน อลาฟิลิปป์ ตามมา 14 วินาทีให้หลังคือ แกเร็นต์ โธมัส ที่วันนี้พลาดท่าเสียเวลาออกไปจนได้ อันดับสามได้แก่ โทมัส เดอ เก็นต์ จากล็อตโต-ซูดาล ตามหลังแชมป์อยู่ 36 วินาที เท่ากันกับ ริโกเบอร์โต้ อูราน จากทีมอีเอฟ เอ็ดดูเคชั่นเฟิร์ส และหลังจากนั้นอีก 9 วินาที คือ ริชชี่ พอร์ท  จากทีมเทร็ค-เซกาเฟรโด นั่นเอง

ส่งผลให้ตารางผู้นำเวลารวมมีการขยับบ้างนิดหน่อยในกลุ่ม Top 10 แต่ผู้นำยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อ อลาฟิลิปป์ ได้พิสูจน์ให้แฟนๆได้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่ไม้ประดับ และแกร่งพอที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้ได้อย่างไร้ข้อกังขา ซึ่งต้องจับตามองในวันนี้และพรุ่งนี้ 2 วันสำคัญของภูเขาสุดโหดที่รออยู่ ก่อนจะเข้าสู่วันพักครั้งที่สอง และกลับมาพบกันอีกครั้ง ในเสตจที่ 16 จากนั้น เตรียมตัวเจอกับภูเขาอีกหลายวันจนกระทั่งเสตจก่อนสุดท้ายที่เสตจ 20 เลย ซึ่งยังต้องจับตากันอีกว่า ดีคอยนิคส์ ควิกสเต็ปส์ จะสามารถป้องกันเสื้อเหลืองเอาไว้ได้ถึงปารีสหรือไม่ เพราะบนภูเขาจากนี้ เราจะได้เห็นการทำเกมส์ใส่กันของบรรดาตัวแข็งๆอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แกเร็นต์ โธมัส ที่น่าจะกำลังเข้าสู่จุดพีคของฟอร์ม ประกอบกับการขยับขึ้นมาของ ริชชี่ พอร์ท ที่อาจมีลุ้นให้ไปแตะโพเดี้ยมก็เป็นได้ เพราะระหว่างอันดับที่ 6 ถึง 10 ในตารางเวลารวมมีเวลาห่างกันราว 1 นาทีเท่านั้น โดยเฉพาะอันดับที่ 8, 9 และ 10 ที่บดเบียดกันมาอย่างร้อนแรง แถมเวลายังตามหลังเสื้อเหลืองอยู่ถึงร่วม 3 นาที น่าจะพอมีโอกาสที่จะออกไปเอาเวลามาได้ โดยที่ทีมอินิออส, ควิกสเต็ปส์ฯ และ ยัมโบ้ฯ ไม่รีบรวบตัวเอาไว้ รวมถึงตัวที่หลุดจากอันดับสิบไป เวลาห่างขาดอย่าง แดน มาร์ติน ก็อาจมุ่งไปที่แชมป์เสตจเขา นอกจากจะได้เสตจ ถ้าได้เวลามาสัก 1 นาที ก็จะขยับไปใกล้ Top 10 ได้อีกนิดและไปลุ้นเกมส์หลังจากนี้เอา

ผลเวลารวมในตอนนี้

จูเลียน อลาฟิลิปป์ (ดีคอยนิคส์ ควิกสเต็ปส์)

แกเร็นต์ โธมัส (ทีมอินิออส) +1’26”

สตีเฟ่น ครูชวิค (ยัมโบ้-วิสม่า) +2’12”

เอนริค มาส (ดีคอยนิคส์ ควิกสเต็ปส์)  +2’44”

อีแกน เบอร์นาล (ทีมอินิออส)  +2’52”

เอ็มมานูเอล บุชมานน์ (โบรา ฮันโกรห์) +3’04”

ทีโบต์ ปีโน่ต์ (กรูปาม่า เอฟดีเจ) +3’22”

ริโกเบอร์โต อูราน (อีเอฟ เอ็ดดูเคชั่นเฟิร์ส)  +3’54”

ไนโร ควินทาน่า (โมวี่สตาร์ทีม) +3’55”

อดัม เยตส์ (มิเคลตัน สก็อตส์) +3’55”

แดน มาร์ติน (ยูเออี ทีมเอมิเรตส์)  +4’15”

อเลฮานโดร วาลเวอร์เด (โมีวี่สตาร์ทีม)  +4’29”

July 20, 2019 cyclinghub 0 Comment