วันนี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่การฟาดฟันกันของบรรดาสปรินท์เตอร์ที่อั้นรอกันมาถึง 2 วัน หรือในอีกมุมหนึ่ง มันคือ การอั้นรอกันมาข้ามปี เพราะแม้ว่านี่จะเป็น Tour De France ในภาวะโควิดฯ แต่ก่็นับว่าเป็นการแข่งที่ลั่นมาอย่างเต็มตัวเป้นครั้งแรก ต่างจากปีที่แล้วที่ความพร้อมของทุกๆส่วนอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้น มันคือวินาทีสำคัญที่ทั้งนักปั่น และแฟนๆรอคอย ซึ่งก็แน่นอนว่า มันคือจังหวะที่จะได้เห็นดาวรุ่งสปรินท์เตอร์ กับรุ่นเก๋ามาเขย่าวงการกนว่าวินาทีนี้ ใครจะเป็นของจริง
แต่ก็เป็นบรรยากาศของความกดดันตั้งแต่ช่วงแรกที่มีฝนตกเมื่อทีมอินิออสต้องลุ้น เกือบเสีย แกเร็นต์ โธมัส อดีตแชมป์เก่า ต้องล้มและดูท่าจะเจ็บหนักไม่ใช่น้อย แม้ว่าสุดท้ายจะกลับมาสู่การแข่งได้แล้ว แต่ก็ต้องดูกันว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันเลยหรือไม่ ต่อมา เมื่อเข้าช่วงสุดท้ายของการแข่ง ความระทึกใจก็ทำให้ทุกๆทีมต้องพากันลากเอาตัวสำคัญขึ้นมาออกันอยู่หัวเปโลตองและนั่นเองที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้ ในระยะทางเพียง 30 กิโลเมตร มีการล้มที่เปลี่ยนทุกอย่างอยู่ถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว เริ่มจาก ทีมยัมโบ-วิสม่า ที่ พรีโมส โรจลิช ล้ม (รองแชมป์ปีที่แล้ว) ตามมาด้วยการล้มที่ตัดกลุ่มขาดออกจากกัน และสุดท้าย เพียง 200 เมตรหน้าเส้นชัย ปีเตอร์ ซากาน และ คาเล็บ ยวน ก็ล้ม เป็นอันพลิกล็อคเข้าอย่างจัง
สุดท้าย ต้องยกเครดิทให้กับทีมรับเชิญอย่าง อัลเปซีน-ฟินิกซ์ ที่ใช้งาน แม็ทธิว แวนเดอร์โพล ผู้ครองเสือเหลือง ลากทีมขึ้นมาส่งถึงหน้าเส้น และทำการสปรินท์ปิดเกมส์เกิดเป็นเส้นชัยเปลี่ยนชีวิตของ ทิม มิลลเลียร์ นักปั่นที่แทบไม่มีใครรู้จัก สามารถคว้าเอาสเตจวันนี้ไปครองได้ พ่วงด้วยการรักษาเสื้อเหลืองไว้ได้แบบสวยงาม
ซึ่งการล้มทั้งหมด และแผนการของทีมที่แน่นปึ้กโดย อินิออสฯ ก็ส่งให้ ริชาร์ด กาลาปาซ พุ่งขึ้นมารั้งอันดับที่สามของผู้นำเวลารวม ในขะที่ทั้ง โรจลิช และ ทาเดจ์ โพกาชาร์ (แชมป์เก่า) พลาดท่าเสียเวลาให้กับกลุ่มแรกไปกว่า 20 วินาาที พลิกเหตุการณ์ที่ถูกเซ็ทมาอย่างสวยงามใน 2 วันแรกไปอย่างสิ้นเชิง และโมเมนตัมการแข่งขัน ก็ถูกปั่นจนยากจะเดาทางข้างหน้าได้อีกครั้ง นี่คือ Tour De France ที่มีความระทึก สูสี ร้อนแรงในทุกๆวันที่ยากจะหาได้เหมือนในรอบหลายๆปีที่ผ่านมา
