เป็นไปอย่างที่คาดเดาว่าในเสตจที่ 17 ที่ผ่านไปแล้ว จะเป็นวัน “มหาเบรคอะเวย์” อย่างแน่นอนด้วยรูปแบบเส้นทางและเกมส์การแข่งขันที่เอื้ออำนวยให้เกิดกลุ่มหนีที่ประกอบไปด้วยนักปั่นที่เวลาของตนเองไม่ได้มีความคุกคามตัวเต็งอันดับต้นๆมากนัก และนี่เองที่ทำให้เกิดกลุ่มหนีขนาดใหญ่ถึง 33 คนตั้งแต่ช่วง 1/3 แรกของการแข่งขัน ที่สำคัญ ในกลุ่มนี้ เต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์ชนิดเรียกว่ารวมอาเวนเจอร์ เอ็กซ์เม็นมาด้วยกันก็ไม่ปาน  คุ้นหูกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น โเลมม่า, ฟาน อาเวอร์เม็ท, โรช, ฮานเนา, เทร็นติน, อิซากวีเร, คอสตา, คลาร์ค, บูซงฮาเก้น หรือ เดอเก็นต์ จากรายชื่อนี้ มีทั้งตัวระดับเอสของทีมงานโปรทัวร์ มีดีกรีเหรียญทองโอลิมปิค มีดีกรีแชมป์โลก และผู้ที่คว้าเสตจแกรนด์ทัวร์มาแล้ว ต่างก็อยู่ใน 33 คนที่หนีออกมานี้ นี่คือกลุ่มที่เป้งที่สุดเท่าที่เราได้เห็นมาใน ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ปีนี้

ความเร็ว และความแรงของการแข่งขันดำเนินไปได้อย่างเข้มข้นตลอดทาง ระยะห่างที่ถูกปล่อยออกไปสิบกว่านาทีค่อยขยับเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมๆกับลางที่เราได้เห็นแล้วว่า ทีมใหญ่หลักๆไม่ได้จ้องจะจับกลุ่มหนีให้ได้ และทีมต่างๆที่อยู่ในกลุ่มหนีก็มองไปที่โอกาสการได้เสตจของตัวหนีของตน ดังนั้นกลุ่มหนีจึงมีความมั่นใจว่าจะไปได้รอดอย่างแน่นอน และนั่นนำมาสู่การวางเกมส์เข้าใส่กันได้อย่างเต็มที่ และดาบสำคัญที่ประสบความสำเร็จ เกิดขึ้นที่การขึ้นเขาลูกสุดท้ายนั่นเอง โดย มัตเตโอ เทร็นติน (มิเคลตัน-สก็อตส์) เขาสามารถกระชากออกจากกลุ่มด้วยความเร็วสูง และโซโล่เดี่ยวไปจนเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ส่วนกลุ่มหนีอื่นๆที่ตามมาก็พยายามไล่อย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่า เทร็นติน จะเก็บแรงมาได้ดีกว่า จังหวะลงดาบเฉียบคมมากกว่า และกลายเป็นความสำเร็จของเขาไปในที่สุด

อันดับเวลารวมนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนักแม้ว่ากลุ่มหนีบางคนจะสามารถยับเวลารวมของตนขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เข้าใกล้ Top 10 ของตารางเวลารวมสะสมชิงเสื้อเหลือง

ค่ำคืนนี้ ที่ฝรั่งเศส ถือเป็นอีกวันสำคัญอย่างแน่นอน ด้วยระยะทางไกล 208 กม. ผสมกับคลื่นความร้อนที่เข้ามากระหน่ำยุโรปในช่วงนี้  เริ่มการแข่งมาราว 1 ชม. ก็จะถึงจุดสปรินท์ให้กลุ่มชิงเสื้อเขียวนี่แหละออกมาเล่นกันเพื่อตุนแต้มเก็บเอาไว้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นปีเตอร์ ซากาน ขยับหนีออกมากับกลุ่มหนีเพื่อมาเก็บแต้มในจุดนี้ได้ (เคยเกิดขึ้นมาแล้ว) อย่างไรก็ตาม แต้มที่ค่อนข้างขาดก็อาจทำให้เขาขี่สบายๆและรอเก็บแต้มในวันสุดท้ายป้องกันเสื้อเขียวเอาไว้ เอาแรงมาไต่ลูกแรก ระดับ 1 ยาว 9.3 กม. ชันเฉลี่ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ (พอๆกับเขาใหญ่ช่วงขึ้นเหวนรก) ดีกว่า  จากนั้นมีระดับ HC รออยู่อีก 2 ลูก แน่นอนว่ารวมถึง “โคล ดู กาลิบิเยค์” เขาสำคัญคู่กับการแข่งขันมาอย่างยาวนาน ความยาว  23 กม. ชันเฉลี่ย 5.1 เปอร์เซ็นต์ (เทียบง่ายๆว่า ปั่นขึ้นสะพานข้ามแยกทั่วไป ยาว 23 กม. ต่อเนื่อง)  ที่ยอดเขาอยู่ที่ กม.189  ดิ่งลงเขายาวๆกันมาอีก 20 กม. เข้าสู่เส้นชัยที่ตัวเมืองไม่ห่างจากตีนเขานัก ดังนั้น วันนี้ เป้นวันสำคัญที่จะต้องลงมือทุบกันให้ยับอย่างแน่นอน ถือเป็นการเริ่มต้น ไตรภาคสุดท้ายของการตัดสินผู้ชนะในปีนี้ (เสตจ 18-20 ไต่เขาทุกเสตจ)

จับตามอง อลาฟิลิปป์ ที่จะป้องกันเสื้อเหลืองเอาไว้ได้หรือไม่ หากเกมส์ไม่แรงเกินไป เขาสามารถเกาะติดกลุ่มไปได้ จากนี้ไปเขาขอเพียงจำกัดการแพ้ให้ไม่มากไปกว่าวันละ 30 วินาทีจากอันดับสอง เขาก็จะครองเกียรติยศแห่งชัยชนะ ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม แกเร็นต์ โธมัส ยังออกมาสัมภาษณ์ว่าเขายังไม่ยอมแพ้ ที่สำคัญ ทีมอินิออส ถือว่ามีนักปั่นสองคนทำเวลาจ่ออยู่ที่หัวของการชิงสื้อเหลืองได้ทั้ง โธมัส และ เบอร์นาลที่ครองเสื้อขาวอยู่ นี่น่าจะเป็นไพ่สำคัญที่เขาต้องวางแผน และไม่บ่อยเลยที่ทีมอินิออส (อดีตทีมสกาย) จะต้องเดินเกมส์ผู้ตามในเวลางวดเข้าแบบนี้

อีกคนที่ต้องจ้องในคืนนี้คือ ทีโบต์ ปีโน่ต์ จาก กรูปาม่า-เอฟดีเจ ซึ่งประกาศตัวได้อย่าชัดเจนว่าในปีนี้ บนทางเขา ไม่มีใครเอาเขาอยู่ เวลาที่ตามหลัง อลาฟิลิปป์ อยู่เพียง 1 นาที 50 วินาที  และห่างจากโพเดี้ยมเพียง 3 วินาที น่าจะทำให้ทั้งโธมัส และ ครูช์วิค (ยัมโบ้-วิสม่า) ที่อยู่ในอันดับ 2 และ 3 ต้องร้อนๆหนาวๆอย่างช่วยไม่ได้

อีกหนึ่งคนที่ประกาศกร้าวถึงเป้าหมายใน 3 วันนี้คือ ริชชี่ พอร์ท  จากเทร็ค-เซกาเฟรโด อันดับเวลารวมอยู่อันดับที่ 10 เวลาตามหลังผู้นำถึง 6 นาที 30 วินาที เขามองเป้าหมายไปที่การรักษาอันดับ Top 10 เอาไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด หากเขาเข้าแลกได้ จังหวะและโอกาสอำนวย เขามองไปที่ แชมป์เสตจสักครั้งใน 3 วันที่เหลือนี้

ด้าน มิเคล ลานดา ากโมวี่สตาร์ ก็ต้องการเวลาอีก 2 นาทีเพื่อขยับเข้าไปใกล้โพเดี้ยมให้สำเร็จ จากตอนนี้เวลาตามหลังอันดับสามอยู่ถึง 3 นาที 7 วินาที ถ้าวันนี้เขาไม่สามารถเก็บมาได้สัก 2 นาที โอกาสที่จะขึ้นแท่นไปยืนแตะอันดับสามนั้นต้องบอกเลยว่าน่าจะหมดแน่นอน

 

เอาล่ะครับ โค้งสุดท้ายจริงๆแล้วสำหรับ ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ในปีนี้

July 25, 2019 cyclinghub 0 Comment