เปิดตัวไปในงาน WWDC 2023 เมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ กับฟีเจอร์เด่นของ WatchOS 10 ระบบปฎิบัติการนาฬิกา Apple Watch ที่กำลังจะปล่อยในเร็วๆนี้ โดยจุดเด่นที่น่าสนใจนำมาเล่าในพื้นที่ของเราชาวนักปั่นก็คือ การรองรับเซ็นเซอร์ที่ส่งสัญญาณผ่านระบบ Bluetooth  โดยรองรรับได้ทั้งเซ็นเซอร์วัดความเร็ว เพื่อให้ได้ความเร็วและระยะทางแม้จะปั่นจักรยานในร่ม, รอบขา เพื่อการควบคุมการปั่นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และ พาวเวอร์มิเตอร์ ที่จะทำให้การฝึกซ้อมเพื่อการพัฒนา ทำได้แม่นยำที่สุด พร้อมทั้งหน้าจอการแสดงกราฟบนนาฬิกา และความสามารถในการประมาณค่า FTP (Functional Treshold Power) ค่าสำคัญของการฝึกปั่น และ กำหนดโซนได้อย่างสะดวกมากกว่าเดิม

การอัพเดทครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นได้ชัดว่า Apple กำลังเน้นพัฒนาอุปกรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาจริงจังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ที่นาฬิกา Apple Watch  ทำได้เพียงเป็นผู้ช่วยในการออกกำลังกายปกติ แต่จาก WatchOS9 เป็นต้นมา ที่ Apple Watch  เริ่มเพิ่มความสามารถในกลุ่มกีฬาหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มไตรกีฬา ที่ทั้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง นาฬิกาตัวนี้ สามารถใช้ช่วยเป็นอุปกรณ์ควบคุมการฝึกซ้อมที่เข้มข้นเพียงพอสำหรับกลุ่มนักกีฬาระดับกลาง ซึ่ง สำหรับการว่ายน้ำ และการวิ่ง ต้องบอกว่า มันทำได้อย่างพอเพียงต่อการฝึกซ้อมเพื่อการพัฒนาจริงจัง แต่สำหรับการปั่นจักรยาน Apple Watch ยังห่างไกลจากเสน่ห์ที่นักปั่นมองหา เพราะขาดการแสดงและเก็บค่าสำคัญที่นักปั่นต้องการ ซึ่งในโอกาสนี้ เราก็ได้เห็นพวกเค้าใส่มาเพิ่มอย่างที่คาดกันเอาไว้

นอกจากนี้ iPhone ก็สามารถนำไปใช้เป็นไมล์จักรยานได้อย่างสะดวกมากขึ้น ด้วยการแสดง Live Widget บนหน้าจอแสดงผลตลอดเวลาแบบประหยัดพลังงาน (Always On Display) ทำให้นักปั่นที่ไม่ต้องการซื้อไมล์จักรยานมาเพิ่มเติม มีทางออกที่ประหยัดกระเป๋ามากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม iPhone ที่รองรับการทำงานแบบนี้ ตอนนี้มีเพียง iPhone 14 เท่านั้น แถมน้ำหนักของโทรศัพท์ก็ยังนับว่ามากโขอยู่เมื่อเทียบกับไมล์จักรยาน และเหนือสิ่งอื่นใด  การใช้โทรษัพท์มาเป็นไมล์จักรยาน ยังมีจุอ่อนทั้งเรื่องอายุการใช้งานต่อการชาร์จแบทเตอรี่ที่สั้นกว่าไมล์จักรยานยุคใหม่ๆ ซึ่งต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ว่า การแสดงผลแบบนี้จะ”ใช่”สำหรับคนชอบปั่นจักรยานจริงๆได้แค่ไหน

สำหรับรุ่นของ Apple Watch ที่จะได้สิทธิ์อัพเดท WatchOS 10 นี้ได้แก่ Apple Watch Series 4 เป็นต้นมา (1-3 ไม่ได้อัพเดทนี้) ข้อนี้ทำให้ Apple Watch กลายเป็นนาฬิกาออกกำลังกายที่มีราคาถูกที่สุดที่มีฟีเจอร์การปั่นพื้นฐานครบถ้วนรองรับนักปั่นระดับกลางๆได้ ด้วยค่าตัว Series 4 ในตลาดมือสองราคาเพียง 5000-6000 บาท หรือ เริ่มต้นมือหนึ่งในราคาหมื่นมีทอนก็หาได้ไม่ยาก

ถ้าคุณคิดว่า ราคานี้ยังแพงกว่าไมล์จักรยานที่หาได้ในตลาด ก็ต้องเตือนกันอีกครั้งนะครับว่า นอกจากมันจะแสดงและเก็บค่าต่างๆที่กล่าวมาได้ นาฬิกานี้ก็ยังทำงานแบบ smart Watch  ทั้งการรับสาย อ่านและตอบข้อความ ควบคุมสมาร์ทโฟน และอื่นๆมากมายได้อย่างครบถ้วน ซึ่งไมล์จักรยานไม่มีตัวไหนทำได้แบบนั้น ในทางกลับกัน หากเราเทียบกับสมาร์ทวอทช์แบรนด์อื่นๆสายสปอร์ตอย่าง ฌฟพทรื ในตระกูล Venu ก็ไม่สามารถแสดงและเก็บค่าพาวเวอร์ให้นักปั่นได้ ในสนนราคาค่าตัวที่สูงกว่า Apple Watch ตัวเริ่มต้น

หากเราจะมองว่า Apple Watch กำลังจะเข้ามาทุบตลาดคนรักปั่น ก็ต้องบอกว่าช้าก่อนครับ เพราะ Apple น่าจะพัฒนาฟีเจอร์แบบนี้ออกมาตรึงใจสาวกของแบรนด์ที่กำลังสนใจการปั่นจริงจังมากขึ้นไม่ให้พวกเค้าออกไปหาซื้อผลิตภัณฑ์อื่นมาใช้ มากกว่าที่จะง้างใจสิงห์นักปั่นให้ทิ้งไมล์จักรยานหรือนาฬิกาออกกำลังกายตัวเก่งย้ายค่ายมาหาพวกเขา เพราะโดยพฤติกรรมและการแข่งขันในตลาดนี้ ยังมีปัจจัยที่ Apple  ยังพ่ายแพ้ชนิดแทง 10 ได้ 1  กันเลย มีอะไรบ้งานั้น ลองมาดูกันครับ

พฤติกรรมการใช้งาน

ต้องยอมรับกันก่อนว่า สำหรับนักปั่นจักรยาน นาฬิกา ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนำมาใช้ดูข้อมูลการปั่น เทียบกับไมล์จักรยานที่ติดไว้บนแฮนด์และเหลือบสายตาดูได้ง่ายอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเสืหมอบที่ขี่บนถนนด้วยความเร็วสูงหรือเสือภูเขาที่ขี่ลุยเข้าป่า การยกข้อมือขึ้นมาดูข้อมุลการปั่น ไม่ใช่การใช้งานที่ดีเอาเสียเลย และ ข้อนี้ ไม่เพียงแค่ Apple Watch เท่านั้น แม้แต่นาฬิกาข้อมือ ที่เหล่านักไตรกีฬาหลายคนใช้งานกันแพร่หลาย นักไตรฯเหล่านั้นที่ซีเรียสจริงๆไม่น้อย ก็ติดไมล์จักรยานไว้กับรถสำหรับดูข้อมูลระหว่างปั่น เสริมเพิ่มจากนาฬิกาที่ใส่ข้อมืออยู่แล้ว ทำให้หลายๆแบรนด์อย่าง Polar หรือ Sigma  ออกแบบนาฬิกาและตัวยึดจับที่แฮนด์ที่สามารถเปลี่ยนมาติดแบบไมล์จักรยานได้อย่างรวดเร็วและแน่นหนา

 

ขนาดหน้าจอแสดงผล

ขนาดหน้าจอไมล์จักรยานรถ่นใหม่ๆโดยมากอยู่ที่ราวๆ 2 นิ้วขึ้นไป โดยที่แสดงค่าต่างๆบนจอได้อย่างกระจ่าง อ่านได้ง่ายด้วยขนาดตัวหนังสือและความต่างของัวหนังสือกับพื้นหลังที่ไม่วุ่นวาย มันคือตัวช่วยให้นักปั่นสามารถเหลือบตาดูหน้าจอได้ข้อมูลในเวลาที่สั้นที่สุด ทีนี้มาดูหน้าจอของ Apple Watch ที่มีขนาดเพียง 40-45 มม. แถมยังแสดงข้อมุลเรียงบรรทัดลงมา แตกต่างจากการแสดงผลของไมล์นี้ก็ชัดเจนว่า การอ่านค่าจะไม่ฉับไวเท่าไมล์จักรยาน ดังนั้นถึงคุณจะหาตัวยึด Apple Watch กับแฮนด์จักรยานมาติดตั้งได้ แต่คุณไม่มีทางได้ประสบการณ์การใช้งานแบบไมล์จักรยานจาก Apple Watch  อย่างแน่นอน

 

ความอึดถึงทนของการใช้งานต่อเนื่อง

ปัจจุบันนี้มีเพียง Apple Watch Ultra ตัวท็อป ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานแบบไมล์จักรยานทั่วไป นอกนั้น หากนำ Apple Watch มาใช้ปั่นจักรยาน ก็จะใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 6-9 ชั่วโมงเท่านั้น และหากคุณไม่ชาร์จนาฬิกาหลังปั่น ก็รับรองได้ว่าคุณจะได้กำไลข้อมือไร้ประโยชน์ก่อนหมดวันในวันนั้น นาฬิกาที่ฉลาดสุดๆก็ไม่ได้ช่วยอำนวยชีวิตคุณได้หากมันไม่มีแบทเตอรี่ ไม่ต้องนับถึงไมล์จักรยานสมัยใหม่ที่ใช้งานกันได้ยาวนานทะลุ 10 ชั่วโมงสบายๆ ไปจนถึงตระกูล Solar ของค่าย Garmin ที่ยืดอายุการใช้งานจากพลังงานแสงอาทิตย์จนใช้งานได้ยาวนานข้ามวันข้ามคืนกันเลย เจอข้อนี้เข้าไป Apple ก็คงจะตอบมาว่า พวกเขาไม่ได้ทำนาฬิกาสำหรับนักปั่นจริงจังขนาดนั้นหรอก ซึ่งก็จริงครับ เพราะ คนทั่วๆไปที่ปั่นจักรยานครั้งละ 1-3 ชั่วโมงต่างหากที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถ้าคุณจะจริงจังออแด็กซ์ข้ามวัน คุณก็อยู่นอกสายตาของ Apple  ที่มุ่งเน้นตลาดแมสเป็นหลัก

 

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

จุดอ่อนนี้ของ Apple ก็สอดคล้องกับข้อก่อนหน้านี้ครับ เพราะพวกเขาไม่ได้เน้นตลาดของคนปั่น คนออกกำลังกายจริงจังมากๆ ดังนั้น ข้อมูลที่แสดงและเก็บก็เพียงนำค่าที่ได้มาบันทึกไว้ให้ ไม่สามารถวิเคราะห์และคำนวนค่าต่างๆมาเป็นแนวทางได้อย่างจำเพาะมากนัก เช่นค่าสำคัญอย่าง IF, TSS หรือ การนำค่าที่ได้จากการปั่นหลายๆวันมาเชื่อมโยงวางแผนประเมินการพัฒนา ลำพังแอปพลิเคชั่น Fitness ของ Apple ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ไปเทียบกับ Suunto หรือ Garmin Connect เป็นมวยคนละรุ่นกันเลย อย่างไรก้ตาม  WatchOS ก็ยังรองรับแอปพลิเคชั่นนอกอย่าง Trainingpeaks  และ Strava ที่นำค่าที่นาฬิกาเก็บได้มาสร้างผลวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างไม่ยากเย็น (จริงๆแค่เชื่อมต่อค่าและถ่ายโอนเข้าซอฟท์แวร์เหล่านี้ ก็สามารถวิเคราะห์ค่าได้แล้ว) แต่มันก็คือการต้องรอพึ่งพาผู้พัฒนานอก และ ความไม่จบในตัวเดียว ซึ่งสำหรับ Garmin Connect  ที่ทำได้ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด เราต้องยอมรับกันว่า ไม่ง่ายเลยที่จะไล่ตามทัน

*หมายเหตุ : เป็นที่น่าแปลกใจว่า Fitness App  ไม่สามารถส่งข้อมูลออกไปยังแอปฯนอกได้ แต่ แอปฯนอกสามารถส่งข้อมูลต่างๆเข้ามาในแอปฯได้ อันนี้ก็ไม่รู้นะครับว่า Apple  ไม่ยินดีส่งแลกเปลี่ยนข้อมูลออกไป หรือ แอปฯนอกเหล่านั้น ไม่รองรับข้อมูลจาก Fitness App ของ Apple

บทสรุปสุดท้าย

ถ้าคุณยังไม่มีไมล์หรือนาฬิกาออกกำลังกาย และ ไม่ได้สนใจว่าจะต้องมี รวมถึง คุณอยู่ในระบบของ Apple  การอัพเดทรอบนี้ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากโขกับการใช้ Apple Watch นี่แหละมาออกกำลังกาย ที่จะต่อยอดไปได้ถึงระดับฝึกซ้อมพัฒนาเบื้องต้นเลย แต่ถ้าคุณมองหาการใช้งานเชิงลึกที่ ครอบคลุมกว่า ลึกกว่า พร้อมทั้งไม่เดือดร้อนกับการซื้อของเพิ่มมาสร้างแรงบันดาลใจ การซื้อนาฬิกาออกกำลังกายหรือไมล์จักรยานสักตัว จะเพิ่มความสนุกปลุกความสนานให้การปั่นจักรยานได้เต็มอิ่มกว่ามาก

June 6, 2023 cyclinghub 0 Comment