เมื่อบ่ายวันนี้ (23 สิงหาคม) คนไทยได้ลุ้นกันสุดขีดเมื่อเหล่านักปั่นเสือหมอบชาย ทีมชาติไทยของเรา ซึ่งลงแข่งในการแข่งจักรยานถนนเอเชียนเกมส์ในฐานะทีมที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครจับตามอง ผู้บรรยายไม่แม้แต่จะรู้จักว่าพวกเขาคือใคร เพราะในการแข่งขันครั้งนี้ มีนักแข่งระดับซุปเปอร์สตาร์ของเอเชียลงกันอย่างคับคั่ง แม้แต่นักแข่งระดับดีกรีแกรนด์ทัวร์ นักแข่งระดับทีมใหญ่ระดับโลก และนักแข่งระดับอดีตแชมป์มากหน้าหลายตา ก็ล้วนอยู่ในรายชื่อปล่อยตัวกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าคนดู ผู้บรรยายและสื่อต่างๆก็จับตามองไปที่ทีมใหญ่ นักแข่งชื่อดังเหล่านั้น แต่ในที่สุด เหลือระยะทางอีกเพียง 10 กิโลเมตรก่อนเข้าเส้นชัย บนเส้นทางเขาสุดท้ายที่เป็นสมรภูมิตัดสิน เมื่อผ่านพ้นระยะทางยาวไกลมาได้ ความเสียหายที่เกิดจากเกมส์การแข่งขันตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมง ทำให้เหลือนักแข่งระดับดลกชื่อคุ้นหู ชาติมหาอำนาจของเอเชียทั้งนั้น รวมกันอยู่เพียงไม่กี่ชีวิต ซึ่งสิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกสายตาที่จับจ้อง คือ ขุนพลนักจักรยานไทยของเรายังตรึงกำลังอยู่อย่างเหนียวแน่น ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังแสดงความอึด เกาะติดไปถึงช่วง 3 กิโลเมตรสุดท้ายได้ถึง 3 คน

ในสถานการณ์นั้น มีเพียงทีมใหญ่อย่างญี่ปุ่น และคาซัคสถาน ที่มีนักปั่นของพวกเขาอยู่เป้นตัวเล่นมากกว่า 1 และเสื้อเหลืองอันน่าภาคภูมิใจของพวกเรา เหลือขุนพลกดดันเกมส์ในช่วงท้ายที่สุดไป 3 คน ก่อนจะเหลือ 2 คนเข้าไปมีสิทธิสปรินท์หน้าเส้นชัยร่วมกับนักปั่นจากญี่ปุ่น และคาซัคสถานอย่างละคนเท่านั้น และแม้ว่าเราจะไม่สามารถเก็บเหรียญเงิน และเหรียญทองมาได้ แต่นี่คือความยิ่งใหญ่เกินคาด และความสุขที่เกินจะฝันที่พวกเขาสามารถอยู่กับเกมส์ร่วมกับนักแข่งชั้นนำได้จนถึงไม่กี่ร้อยเมตรสุดท้ายขนาดนี้ วันนี้ ผมจะนำทุกท่านมาทำความรู้จักกับเจ้าของเหรียญเงิน และเหรียญทองของรายการนี้ เพื่อจะได้รู้ว่า เด็กๆของเรา สู้กับระดับไหน และนี่คือเหตุผลที่พวกเรา ขอยกให้พวกเขา และ “ซุปเปอร์ดอย” นวุติ ลี้พงษ์อยู่ เป็นฮีโร่ ของพวกเราในโอกาสนี้

race

ฟูมิยูกิ เบปปุ

นักปั่นญี่ปุ่น ในระดับตำนาน วัย 35 ปี ก่อนที่เขาจะก้าวมาเป็นที่ขจดจำในทำเนียบนักแข่งเอเชียชั้นนำ เขาแจ้งเกิดจากการแข่งขันระดับอาชีพในญี่ปุ่นมากมาย ก่อนจะมีชื่อติดอยู่ในทีม ดิสคัฟเวอรี่ชาแนล ระหว่างปี 2005-07 ทว่าระหว่างนั้นไม่ค่อยมีใครได้เห็นเขาลงแข่งร่วมกับทีมใหญ่นี้นัก ทำให้คนพูดกันว่านี่คือแผนการตลาดของทีมใหญ่ที่ต้องการความสนใจจากตลาดเอเชียเท่านั้น แต่แล้วในเวลาต่อมาเขาย้ายทีมไปสังกัดทีม สกิล-ชิมาโน ทีมระดับดิวิชั่นสองสัญชาติฮอลแลนด์ ซึ่งในเวลานั้นเอง คนก็มองว่าเขาเป็น”ลูกหม้อ” ของชิมาโน่ ผู้สนับสนุนหลกของทีมที่ขอยัดชื่อนักปั่นญี่ปุ่นเขาไปในทีมด้วย ซึ่งเบปปุ ก็มีโอกาสได้ลงแข่งในรายการต่างๆของยุโรปมากมายและเริ่มสร้างความมั่นใจให้กับตนเองและทีมได้มากขึ้น และยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในหลายๆรายการ ซึ่งในเวลานี้ เขาได้พิสุจน์แล้วว่าเขามีดีมากกว่าเป็นเพียงเด็กฝากของทีมเท่านั้น ท้ายที่สุด เขาคือคนญี่ปุ่นคนแรกที่จบการแข่งขัน ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ปีเดียวกับที่ ยูกิยะ อาราชิโร่ จบได้เช่นกัน) ในปี 2009 ตามมาด้วยการจบ จิโร่ ดิตาเลีย อีก 4 ครั้งติดต่อกัน แถมพร้อมกับ เวลตา เอเอสปันญ่าอีก 1 ครั้ง นี่เองส่งให้เขากลายเป็นฮีโร่ของแฟนๆจักรยานญี่ปุ่นไปในทันที พร้อมทั้งยืนยันความแข็งแกร่งด้วยการคว้าแชมป์แห่งชาติญี่ปุ่นมาครองได้อีกหลายสมัย ก่อนที่จะย้ายไปสังกัดทีม เรดิโอแช็ค ต่อด้วย กรีนเอจด์ และปิดท้ายด้วยปัจจุบนสังกัดทีม เทร็ค-เซกาเฟรโด ซึ่งทั้งหมดนี้คือทีมชั้นนำของดิวิชั่นสูงสุดทั้งสิ้น

ปี 2018 ถือเป็นปีหนึ่งที่เขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากการคว้าเหรียญทอง ทีมไทม์ไทรอัลชิงแชมป์เอเชีย รองแชมป์เสือหมอบชิงแชมป์เอเชีย และอันดับ 4 การแข่งเดี่ยวไทม์ไทรอัลชิงแชมป์เอเชีย ด้วยความที่เขาเป็นนักปั่นครบเครื่องและโดดเด่นในการแข่งแบบวันเดียวนี่เอง จึงไม่แปลกใจที่เราจะได้เห็นเขาขึ้นมาคว้าเหรียญเงินได้อย่างที่เป็นอยู่

อเล็กซี่ ลุตเชนโก

นักปั่นคาซัคสถาน วัย 25 ปีคนนี้ ไม่ใช่นักแข่งที่แฟนจักรยานตัวจริงจะไม่คุ้นหูกับชื่อของเขา เพราะดีกรีของเขา ถือว่าไกลเกินระดับเอเชียไปเรียบร้อยแล้ว การร่วมทีม อัสทาน่า ทีมระดับสุงสุดของโลกมาตลอดตั้งแต่ชุดเยาวชน จนถึงทุกวันนี้ และประสบการณ์การแข่งขันในยุโรป ขัดเกลาให้ทั้งความแข็งแกร่ง ความคม และไหวพริบของเขาจัดอยู่ในระดับแนวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแค่สมาชิกร่วมทีมเท่านั้น เขาคือนักปั่นตัวจี๊ดที่เก็บผลงานต่างๆมาครองได้มากมาย อาทิเช่น ผู้ชนะเวลารวม ทัวร์ ออฟ โอมาน และ ทัวร์ ออฟ ไห่หนาน ตลอดจน สามารถคว้าเสตจรายการ เวลตา เอ เอสปันญ่า มาได้ในปี 2017 พร้อมๆกับนักแข่งระดับโลกในครั้งนั้น พิสุจน์ได้เลยว่า เขาคือหนึ่งในขุนพลสำคัญของอัสทาน่า ในการลงแข่งรายการสำคัญของยุโรป สอดคล้องกับการมีรายชื่อติดทีมชุดใหญ่ลงแข่งแกรนด์ทัวร์มาแล้ว 4 ครั้ง คือตราที่ยืนยันคุณภาพของตัวเต็งคนนี้ได้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือ แชมป์แห่งชาติ คาซัคสถาน คนปัจจุบันเสียด้วย

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ทีมคาซัคสถานมนการแข่งเอเชียนเกมส์ในวันนี้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะทุ่มกำลังขุนพลคุมการแข่งขันอย่างเหนียวแน่น ทั้งความแข็งแกร่ง และเหนือชั้น ส่งให้ในที่สุด ลุตเชนโก สามารถคว้าเอาเหรียญทองมาครองได้อย่างไม่น่าตกใจมากนัก เชื่อได้ว่าในอนาคต เราจะได้เห็นเขาสร้างผลงานยิ่งใหญ่มากมายในการแข่งขันโปรทัวร์ระดับสุงของโลกอย่างแน่นอน

 

และนี่คือเครื่องพิสุจน์ว่า… เหรียญทองแดงนี้ ของ ทีมชาติไทย และฟอร์มการแข่งขันแบบไม่มีอะไรจะเสีย สู้ด้วยหัวใจที่ใหญ่กว่าชื่อซึงแม้แต่ผู้บรรยายต้องใช้เวลาเปิดหาอยู่นานกว่าจะรเียกื่อพวกเขาได้ วันนี้เอง ที่เราได้เห็นตัวแทนของนักปั่นไทย กระทบไหล่ ฟัดกับนักแข่งระดับโลกอย่างไม่หวั่นเกรง

ขอขอบคุณทีมจักรยาน ทีมชาติไทยทุกคน ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ที่ทำให้หัวใจของพวกเรา คนที่รักในจักรยาน มีความสุขในโอกาสนี้

 

August 23, 2018 cyclinghub 0 Comment