โดย นักปั่นขยันซอย

นักปั่นขยันซอยจะขอฝอยเป็นการเป็นงาน ให้นักปั่นหน้าเก่า หน้าใหม่ หรือหน้าไหนๆ ที่อยากแรงแต่ไม่มีเวลา อยากซ่าแต่ขาไม่ถึง ได้มีตัวช่วยดีๆที่คู่ควร หลายสัปดาห์ก่อนได้เว้าวอนในเรื่องที่เรียกว่า “Training” ซึ่งสำหรับคนที่กระสันอยากพัฒนาแข้งขา จากขารีบ ขาเร่ง ให้เป็นขาแรงแซงชาวบ้านได้ ก็ต้องขวนขวายไขว่คว้าการฝึกซ้อม ยอมเจ็บ ยอมเหนื่อย ยอมเมื่อย และไหนๆ ก็ยอมกันขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะยอมเสียเงินกันอีกสักดอกไปออกสิ่งที่เรียกกันว่า เครื่อง “Trainer” มันจะทำให้คุณเหนื่อยชิบหายวายป่วง แต่ได้ผลแซบแสบทรวงทะลวงโลก เอาหละ เดี๊ยวจะเจียรนัยข้อดีของการ Training ด้วย Trainer ชนิดที่เรียกว่า บรรดาคนขาย Trainer จะต้องส่งยิ้มหวานให้กับนักปั่นขยันซอย

 

  1. ประหยัดเวลา คือสิ่งมีค่าที่สุด” คิดดูนะเด็กๆ อยากปั่นสนามเจริญสุขฯยามเย็น เลิก

งาน 5 โมง ขับรถไปเสียเวลา 1 ชม. ปั่น 2 ชม. ขับรถกลับบ้านอีก 1 ชม. ยิ่งถ้าเจอวันวินาศบนท้องถนน นาทีโกลหลของคนเมือง การจะปั่นจักรยานเพียง 2 ชม. ได้พรากนาฬิกาชีวิตไปเฉียด 5 ชม. แต่ถ้ามีเทรนเนอร์หนะเหรอ เหลือเวลาอีก 3 ชม. เอาไปกิน ขี้ ปี้ นอน ผักผ่อนตามอัธยาศรัย

 

  1. ซ้อมน้อยได้มาก ซ้อมท่ายากได้มหาศาล” สิ่งสำคัญของการซ้อมบนเครื่อง Trainer คือ การ

ซ้อมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ บางคนเรียกว่าฝึก Course บางคนเรียกว่าซ้อม Workout บางคนเรียกปั่นตาม Program ซึ่งไอ้เจ้าสิ่งเหล่านี้ ต้องทำการฝึกในช่วงเวลาที่กำหนด ความหนักเบาของการออกแรงที่กำหนด อัตราการเต้นหัวใจที่กำหนด หรือแม้แต่รอบขาที่กำหนด ถึงจะได้ผลตามเป้าหมายที่ตั้งกันไว้ แต่ถ้าออกปั่นถนน เราจะเจออุปสรรคอะไรกันบ้างหนอ อย่างแรกเลยก็คือไอ้เพื่อนเรา หรือกลุ่มปั่นเรานี่แหละ คือไอ้ตัวดี ทุกคนต้องเคยเจอกับเหตุการณ์ ก่อนปั่นตกลงกันว่าจะปั่น Endurance ยาวๆ สัก 2 ชั่วโมง พอรวมตัวกันแล้วเป็นไง มันจะมีตัวเปิด ตัวตาม ตัวเกทับ ตัวซ้ำ ตัวตี ตัวบ้าบอคอแตกที่จะแหกทุกกฏความเร็วที่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก “รวมกันมันส์กว่า” เมื่อทุกคนคิดแบบนั้นความบรรลัยก็บังเกิด อย่างที่สองคือ เราจะหาถนนที่ไหน เส้นทางปั่นแห่งใด ที่จะปั่นตามกำหนดเวลาโปรแกรมซ้อมของเราได้อย่างปลอดภัยและตลอดรอดฝั่ง เดี๊ยวไฟแดง เดี๊ยวมอเตอร์ไซน์ย้อนซ้อน เดี๊ยวหมาตาถั่ว เดี๊ยวหลุมบ่อ ล่อกันให้มั่วไปหมด

 

  1. เทคโนโลยีดี ชีวีพาเพลิน” เมื่อก่อนเวลาซ้อมเทรนเนอร์ที่บ้านมันช่างน่าเบื่อ

เหมือนหน้าเมีย แต่เดี๊ยวนี้มันทำให้เราสนุกเหมือน 14 อีกครั้ง แม้ว่าเมียยังคง……เหมือนเดิม เทรนเนอร์แบบที่เรียกกันว่า Smart Trainer เราสามารถออนไลน์ปั่นพร้อมกันกับเพื่อนเพื่อคลายเหงาได้ สามารถเชื่อมต่อกับคอมฯ หรือมือถือ เพื่อโหลดโปรแกรมการซ้อมลงไป มันก็จะปรับความหนัก ความหนืด ความชัน และอะไรต่อมิอะไรให้เราเบ็ดเสร็จเด็ดดวง ยิ่งบางรุ่นมันจำลองสภาพผิวถนนได้ เรียกว่าปั่นแบบวิบาก มันก็สั่นให้เราพอหัวโยกหัวคลอนหลอนเล็กๆ มันกลายเป็นเครื่องมือที่มีชีวิตชีวา มีการตอบสนอง เหมือนตุ๊กตายางสมัยนี้ที่เทคโนโลยีช่วยให้เราฉิมพลีดีจริงๆ

 

  1. อยากปั่นอากาศไหนเลือกได้ดั่งใจนึก” ฝนตกหนัก แดดออกแรง ลมเย็นจัดล้วนเป็นอุปสรรค

ตามธรรมชาติที่บังอาจห้ามเราออกไปปั่น แต่ถ้ามีเทรนเนอร์อยู่กับบ้าน ก็ใช้รีโมทแอร์เลือกอุณหภูมิที่ถูกจริต เลือกความแรงพัดลมให้ตรงกับความรู้สึกในการอยากจะโต้ลมเอาเลย ระหว่างปั่นถ้าอยากได้ความชุ่มชื้น ก็ไปหาสเปร์ยน้ำแร่ฉีดหน้าโปรยปรายความชุ่มฉ่ำให้หนำปอด เป็นไงปั่นในบ้านเหนื่อยแต่เลือกได้

 

  1. แม้บ้านอยู่เมือง ก็คุยเฟื่องเรื่องขึ้นเขาได้” จะขึ้นครู ขึ้นคร่อม หรือขึ้นเขา แม้เราจะเป็นคนเมือง

แต่เทรนเนอร์จะช่วยจำลองความหนักหน่วง ให้เราซ้อมช่วงขึ้นเขาบนเทรนเนอร์ จะนั่งไถ่ จะนั่งบด จะยืนโยก ก็จงขโยกเข้าไป แต่ถ้าจะให้เผ่นไปหาภูเขาให้ปีนป่ายทุกวันอย่างนักปั่นภูธร ชาวเมืองอย่างเราๆ ก็คงจะไม่หวาดไหว แต่ถ้าได้ซ้อมบนเทรนเนอร์ บอกเลยว่าเขาไหนก็ได้อยู่

 

  1. ปั่นเพลิน เมินความเสี่ยง” เรารู้กันนะว่าการซ้อมปั่นจักรยานที่ดีคือการซ้อมที่ระดับสัก 90 นาที

ขึ้นไป และยิ่งถ้าซ้อมแบบมีโปรแกรมหรือ workout ที่ต้องก้มหน้าดูจอไปด้วย มันจะเป็นช่วงเวลาที่พลาดไม่ได้เลยบนท้องถนน แต่เทรนเนอร์จะทำให้การออกกำลังของเราเหมือนการซื้อตั๋วเข้าไปดูหนัง 1 เรื่อง เพียงแต่ไม่ได้นั่งกินป๊อปคอร์นเท่านั้นเอง ระหว่างปั่นเราสามารถเปิดหนังที่เราอยากดูเคียงคู่กันไป แต่ก็เลือกประเภทหนังกันหน่อยนะ เอาเป็นหนังแอคชั่นที่ไม่ต้องใช้สมองประคองเรื่องเยอะ หรือหนังตลกโปกฮาพาเพลินดี แต่ถ้าใครล่อหนังดราม่าหรือหนังอย่างว่า เดี๊ยวจะพาปั่นไม่เสร็จเสียเปล่าๆ

 

เมื่อตกลงปลงใจได้ว่าจะสอยเทรนเนอร์ ก็จะเข้าเรื่องว่า แล้วเลือกเทรนเนอร์แบบไหนอย่างไรดี

หลักสากลโลกเขาแบ่งประเภทเทรนเนอร์กันตาม ระบบที่ทำให้มันเกิดความหน่วง (Resistance)

  1. แบบพัดลม ข้อดีคือมันถูก แต่ข้อเสียคือมันเสียงดัง มันเชย มันไม่ค่อยมีลูกเล่น ไม่ทันสมัย
  2. แบบแม่เหล็ก ข้อดีคือ เงียบ ดูแลง่าย ใช้งานสะดวก Option เยอะ เชื่อมต่อได้วิจิตรพิสดาร
  3. แบบของเหลว ข้อดีคือ ให้ความรู้สึกเวลาปั่นคล้ายคลึงเวลาปั่นบนถนนมากสุด มี Option มากมายแต่ก็มีข้อเสียสำคัญคือ มันร้อน
  4. แบบลูกกลิ้ง ข้อดีคือ ได้ฝึกทักษะการควบคุมจักรยาน ราคาถูก ยางไม่สึกหรอมาก แต่มันปรับความหนืดเพื่อฝึกขึ้นเขาไม่ได้ แต่มันก็มีเทรนเนอร์ลูกผสมรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ที่เป็นลูกกลิ้งเฉพาะรองรับล้อหลัง ส่วนล้อหน้าถอดออกแล้วมีฐานยึดกับตะเกียบ มันปรับความหนึดได้ ยางไม่สึก พี่ซอยเคยใช้อยู่พักใหญ่ ใครสนใจลองไปหาข้อมูลกันดูนะจ๊ะ
  5. แบบสุดท้ายนี่ เพิ่งโผล่มาได้ไม่นาน เรียกว่าแบบต่อตรงกับชุดขับ หรือฝรั่งเรียก Direct Drive คือตัวเทรนเนอร์จะมีเฟืองติดมาด้วย เวลาใช้ก็ถอดล้อหลังออกแล้วเอาโซ่ของจักรยานเราติดตั้งเข้ากับเฟืองที่ติดอยู่กับเทรนเนอร์ ซึ่งมันใช้งานง่ายมาก ถอดเข้าออกไม่ยาก และให้ความรู้สึกในการปั่นแบบสมจริงสมจัง แต่ก็แลกด้วยเงินหลายตังอยู่

 

และนั่นก็คือทั้งหมดทั้งมวลของนักปั่นที่คิดจะ Training ด้วย Trainer ว่ามันดีมีประโยชน์จริงๆ

นะเออ มันช่วยย่นเวลาการซ้อม แถมช่วยให้เราพร้อมในทุกสภาพอากาศ โปรแกรมการปั่นที่เตรียมรับรองว่าไม่มีพลาด ใครสนใจก็ไปลาดตระเวนดูตามร้านจักรยานเอาเองได้มาก็ขอให้คลื้นเคลงกันทั่วหน้านะครับด้วยรักและมักมากนักปั่นขยันซอย

July 18, 2018 cyclinghub 0 Comment