
คนทุกคนสามารถปั่นจักรยานออกกำลังกายได้ นี่คือความจริงที่แท้เที่ยงไม่เบนเอียงไปทางไหน แต่คนอีกมากมายที่ปั่นแล้วไม่สามารถไปไหนต่อได้ และสุดท้ายก็เบื่อกับทนทุกข์ต่อไป เพราะขาดสิ่งสำคัญต่างๆ ที่ช่วยให้ปั่นจักรยานได้สนุกมากขึ้น ซึ่งหากจะปั่นให้ได้สนุกก็ต้องไปทางสายขาแรง ซ้อมๆๆๆ ต้องหาอุปกรณ์ให้พร้อม ต้องทำตามอย่างนักปั่นคนดัง ทั้งๆ ที่ วิถีชีวิตก็ไม่ได้เหมือนกัน สุดท้าย มันมองไม่เห็นทางไปต่อ ปั่นแล้วก็ไม่ถึงยอดเขาเสียที ปั่นได้เร็วขึ้น ก็ยังมีคนเร็วกว่า ปั่นได้ไกลขึ้น ก็ยังมีคนไกลกว่า แล้วอะไรคือสิ่งที่ช่วยทำให้การปั่นจักรยานสามารถไปต่อได้อย่างเป็นระบบ? เคยมีเพื่อน โค้ช หรือ นักปั่นคนดังที่ไหนแนะนำบ้าง นอกจากมาบอกว่า ให้ซ้อมอย่างไร วันนี้แหละครับ เราจะมาแนะนำกัน ถ้าคุณแยกมันออกได้ชัดเจนแล้ว รับรองว่า จักรยาน จะเป็นสิ่งที่ “ท้าทาย” ให้คุณได้สนุกต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยาก
เพราะการขี่ให้เร็วขึ้นไม่ใช่แค่การซ้อมเท่านั้น
อันดับแรกก็ขอแยกออกมาเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้ครับ
1.กายภาพ (Physical)
หมายถึง ความสามารถทางกายภาพ ร่างกายของคนปั่น เป็นสิ่งที่สร้างและพัฒนาได้ คิดง่ายๆ ก็คือ มันคือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนจักรยานไป ถูกแล้วครับ ตัวคุณนั่นแหละครับ แต่ถ้าคิดแบบนี้มันก็เข้าตำราพาไปซ้อมปั่นกับขาแรงอีก ไม่ใช่เลยครับ เพราะผมจะพามาแยก จำแนก สมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมาได้เป็นอีก 3 หมวดสำคัญ ได้แก่
ความทนทาน (Endurance) นี่คือหัวใจสำคัญของการปั่นจักรยาน เพราะมันคือกีฬาเชิงความทนทานครับ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการออกกำลังต่อเนื่องได้ระยะเวลายาวนาน วิธีการพัฒนาก็มีมากมาย สั้นบ้าง นานบ้าง แล้วแต่สำนักจะสร้างสรรค์คิดค้นมาตามงานวิจัย เอาแค่ข้อนี้ซ้อมให้ทนทาน ก็มีความคิดแตกต่างกันแล้วครับว่าทำอย่างไร ไม่สูตรสำเร็จ บ้างก็ว่าโซนสองนี่คือทางออก แต่อีกสายสมัยใหม่ก็มองว่าโซนสองมันเสียเวลา เรื่องนี้คงต้องมาพูดกันทีหลัง เอาเป็นว่า คุณต้องรู้ว่าจะปั่นต่อไปให้สนุกต้องทนทานด้วย
ความแข็งแรง (Strength) เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณปั่นออกกำลังกายสบายๆ พอได้เหงื่อ หรือปั่นกินขนมชมวิว อาจไม่ได้คิดว่าจักรยานต้องแข็งแกร่ง แต่หากคุณคิดจะปั่นต่อไปได้เรื่อยๆ ความแข็งแกร่งนี่แหละคือสิ่งแรกๆ ที่จะเป็นกำแพงให้คุณต้องปีนข้ามไป และรอคอยท้าทายคุณอยู่ ลองนึกภาพทางชันเขาสูงที่รอให้ขึ้นไปชมวิวสวยงามดุจสวรรค์ หรือลมแรงกรรโชกร้ายที่คอยกวนใจเวลาจะไปหาร้านอร่อย เหล่านี้ ต้องมีความแข็งแรงเพื่อข้ามพ้นไปให้ได้ และอย่าทำเป็นเล่นไป ของแบบนี้ สร้างได้ที่บ้านง่ายๆโดยไม่ต้องมีจักรยาน ตื่นนอนมาก็ทำได้ ถ้าคุณสนใจจะทำ
ความยืดหยุ่น (Flexibility) เรื่องนี้เป็นที่มาของปัญหาอีกมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สังขารที่อยู่บนจักรยานนั้น ต้องการความยืดหยุ่นของร่างกายไม่น้อยเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็สามารถฝึกฝนเพิ่มเติมพัฒนาได้เช่นกัน แต่เป็นสิ่งท้ายๆ ที่คนเราจะให้ความสำคัญครับ ลองไปถามนักปั่นขาประจำสิครับ เผลอๆ เรียกว่าระดับขาแรงด้วยซ้ำ มีไม่น้อยที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ ใส่ใจแต่ความแกร่งและแรงเท่านั้น สุดท้ายก็พบปัญหากล้ามเนื้อในระยะยาวๆ แต่หากคุณอยากจะปั่นจักรยานให้สนุกสนานด้วยต่อไป ลองใส่เอาเรื่องนี้ไว้ในตารางชีวิต รับรองว่าคุณก็จะปั่นได้ดีขึ้นอย่างไม่ยากเย็น
2.ทักษะ (Skill)
ผมกล้าบอกเลยครับว่า น้อยคนจะสนใจเรื่องนี้! เห็นเอาจักรยานมาขี่กันโครมๆ ซิ่งกันเฟี้ยวฟ้าว แต่… มีสักกี่คนที่สนใจจะถามหาทักษะการปั่นที่ดี? การควบคุมรถที่ความเร็วช้ามากๆ เหมือนเดิม จนถึงหยุดนิ่ง เพื่อให้สามารถถ่ายน้ำหนักบนรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือการปล่อยมืออย่างคล่องแคล่วเพื่อหยิบของ จับของจากกระเป๋าหลังโดยไม่ให้รถส่ายไปเป็นอันตรายต่อผู้อื่น จนถึง การใช้เกียร์บนทางชันที่กดอย่างไรให้ไม่ต้องลงเข็น เหล่านี้ เป็นเรื่องที่คุณก็สามารถสร้างได้โดยไม่ต้องไปปั่นจนหมดไปครึ่งค่อนวัน และ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่ สุดท้ายแม้แต่ระดับทีมชาติไทย เมื่อไปพบกับนักแข่งในต่างประเทศที่พวกเขาผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้มาแล้วก็ยังพบว่า ทักษะคือกำแพงใหญ่ที่ต้องฝ่าไป ในอเมริกา มีกระบวนการสร้างนักปั่นอย่างจริงจังโดยเน้นสอนทักษะเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะการสร้างนักปั่นรุ่นเยาว์ สำหรับเราๆ นักปั่นเพื่อความเฮฮา ลองหัดสิ่งต่างๆเหล่านี้เอาไว้ และคุณจะปั่นได้อย่างสนุกขึ้นแบบง่ายๆ เลย
3.เทคนิค (Technic)
ถ้าฟุตบอลต้องเดาะบอลได้ดี ถ้ากอล์ฟคือการฝึกวงสวิง ถ้าเทนนิสคือการฝึกสโตรคที่ดีเยี่ยม จักรยานล่ะครับ? จักรยานก็มีเรื่องของเทคนิคที่ต้องฝึกฝนมากมาย แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงอย่างจริงจัง มีแต่คุยกันว่าจะปั่นอย่างไรให้เร็วขึ้น แต่เคยมีการคุยกันบ้างหรือไม่ว่า จะปั่นอย่างไรให้ออกแรงได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น ทำอย่างไรให้ออกแรงได้มากขึ้นแต่เหนื่อยเท่าเดิม หรือจะยืนปั่นอย่างไรให้รถทะยานออกไปไม่ใช่แค่โยกไปมาเฉยๆ เหล่านี้ เทียบแล้วมันคือ การดึงเอาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ลงไปที่รถได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถปั่นได้สนุกและไปได้มากขึ้นโดยไม่ต้องซ้อมมากขึ้น เพียงพัฒนาเทคนิค และ ก็… เชื่อผมเถอะครับ (อีกครั้ง) ว่าถ้าคุณปั่นแล้วมันตันไปต่อไม่ได้ ไม่สนุกแล้ว กลับมาพัฒนาเทคนิคอย่างเดียวนี่แหละ ไม่นานคุณจะพบว่า จู่ๆ ก็ปั่นได้สนุกขึ้นกว่าเดิม ไปได้ไกล ไปได้เร็วขึ้น
จบแล้ว…มาถามตัวเองดูครับว่า แต่ละครั้งที่เอาจักรยานออกไปปั่นนั้น คุณตั้งใจเอาไว้ว่าคุณจะสนุกเพื่อพัฒนาเรื่องไหน? และมีเป้าหมายอะไรที่จะไปต่อ ซึ่งจะเอาเรื่องอะไรมาเป็นสิ่งท้าทายตัวเอง และเมื่อปั่นจบแล้ว ลองถามตัวเองอีกสักครั้งว่า นอกจาก”เอวี” ที่ทำได้ ความสะใจที่ไล่กวดกลุ่มแรงๆ ซิ่งเร็วๆ ได้ คุณได้พัฒนา เรียนรู้อะไรอื่นๆบ้างบนจักรยานหรือไม่ เพราะสามประการนี้ หากไม่มีอย่างเหมาะสม สมดุลย์ รับรองได้ว่าไม่นาน ไม่ช้า ไม่เร็ว คุณจะพบกับกำแพงที่ทำให้จักรยานหมดสนุกได้ต่อไป