อัลเบอร์โต คอนทาดอร์ แชมป์เก่า ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขาไม่คิดว่า อลาฟิลิปป์ จะสามารถครองเสื้อเหลืองไปถึงปารีสและคว้าแชมป์ ตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ในปีนี้ได้

นี่เป็นเพียงหนึ่งในคำปรามาทที่ให้แก่ ผู้นำเวลารวมของเราในเวลานี้ นอกจากนี้ แฟนๆก็ยังมองว่า เขาไม่ใช่ของจริงๆ และโอกาสที่จะได้แชมป์นั้น น้อยนิดเหลือเกิน จนกระทั่งวานนี้ ที่เขาคว้าแชมป์ไทม์ไทรอัลได้สำเร็จ ตอดย้ำให้ได้รู้กันไปเลยว่า ตกลงแล้วใครคือของจริงกันแน่ แม้ว่ายังเหลือราวๆหนึ่งสัปดาห์ถึงจะยืนยันผลได้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จ หักปากกาเซียน ฉีกตาเหยี่ยวของพ่อมือปืน และขึ้นมาเป็นแชมป์เปี้ยนชาวฝรั่งเศสที่รายการนี้รอคอยมาอย่างยาวนาน

พูดถึงแชมป์ชาวฝรั่งเศส นับย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2012 รายการตูร์ เดอ ฟร็องซ์ ถูกชนะโดยนักปั่นชาวสหราชอาณาจักรไป 6 สมัยจาก 7 ปี และย้อนกลับไปไกลกว่านั้น ก็มีชาติต่างๆคว้าแชมป์รายการนี้ไปมากมายทั้ง สเปน ออสเตรเลีย ลักเซมเบิร์ก และ สหรัฐอเมริกา (แต่ถูกยกเลิก) ทว่าฝรั่งเศส ชาติเจ้าภาพกลับไม่ได้มีนักปั่นได้สวมเสื้อเหลืองยืนอยู่หน้าประตูชัยมานานมากแล้ว นับเป็นเวลาได้ 34 ปีผ่านมาแล้ว ที่ เบอร์นาร์ด เทฟเนต์  คว้าแชมป์ ตูร์ฯ ในปี 1985 ซึ่งนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ปีนี้ จูเลียน อลาฟิลิปป์ หนุ่มวัย 27 ปี สายเลือดฝรั่งเศสแท้ๆ คือความหวังของวงการจักรยานเมืองไวน์ ที่จะทำได้สำเร็จเสียที

 

อลาฟิลิปป์ เริ่มเป็นที่จดจำได้ในฐานะ”เจ้าภูเขา” ราชานักไต่เขาผู้ครองเสื้อลายจุดในตูร์ฯปีที่แล้ว ดังนั้นเรื่องการไต่เขานั้นไม่ใช่ปัญหาของเขาอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ในปีนี้ เขากลับมาใหม่ด้วยการลับคมเรื่องการขี่ไทม์ไทรอัลมากขึ้น และทีม ดีคอยนิคส์-ควิกสเต็ปส์ เองก็วางแผนทีมมาเป็นอย่างดี แม้ว่าทีมจะมีเป้าหมายให้เล่นได้หลกหลายทั้งเสตจทางราบ เสตจเขา การเก็บรางวัลเสื้อ และนี่เป็นอีกครั้งที่พลพรรคนักปั่นสาพัดพิษทรงพลังของทีม ทุ่มเทกันเพื่อรักษาแชมป์อันทรงเกียรตินี้เอาไว้ให้ได้ เพราะทีมก็ห่างหายจากการ”ลุ้นแชมป์” แกรนด์ทัวร์มานานพอสมควรแล้ว

ความสำเร็จส่วนตัวของเขาในแกรนด์ทัวร์รวมเสตจที่เก็บมาได้ทั้งสิ้น 5 เสตจ นอกจากนั้นยังเคยชนะรายการโปรทัวร์สำคัญๆอาทิเช่น ทัวร์ออฟแคลิฟอร์เนีย 2016, ทัวร์ออฟบริเตน 2018, มิลาน-ซานรีโม่ 2019, ลาเฟลชเช่ 2018 2019 และ สตราเด เบียงเก้ 2019

เราะเห็นได้ชัดเจนว่า ฟอร์มของเขามาฉายแววสุดพีคเอาเมื่อช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้เอง นับตั้งแต่เทริ์นโปรเมื่อปี 2013 ด้วยอายุ 21 ปี กับทีมระดับคอนติเน็นตัล (ดิวิชั่นสาม) สัญชาติเช็คฯ อีติกซ์-ไอเอชเน็ด ซึ่งสะดุดตากับฟอร์มของจูเลียนที่สามารถคว้าแชมป์เสตจ คว้าสเื้อผู้นำเวลารวมรุ่นอายุน้อย และได้รองแชมป์การแข่งโปรทัวร์ระดับ 2.2 มาได้ด้วยวัยเพียง 20 ปี ในฐานะนักแข่งสมัครเล่นกับทีมคลับที่ได้รับเชิญร่วมรายการ และพวกเขาก็คาดไว้ไม่ผิด เพราะในปีแรกเขาก็คว้าชัยในฐานะโปรมาได้มากมาย รวมถึงรายการ ทัวร์ออฟเบรตานจ์ กับอันดับ 4 เสือหมอบชิงแชมป์ยุโรป กับอันดับที่ 9 ของการแข่งเสือหมอบชิงแชมป์ดลกรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีให้กับทีมชาติฝรั่งเศส

 

จากนั้นในปี 2014 จูเลียนก็ได้ข้อเสนอที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา ในการได้รับสัญญาเข้าสังกัดทีม โอเมกา ฟาร์มา ควิกสเต็ปส์ ทีมใหญ่ของโปรทัวร์ ระดับดิวิชั่นสูงสุด  ที่มีดาราดังๆอยู่ในทีมมากมาย ซึ่งด้วยอายุ 22 ปี และเป็นโปรใหม่ของทีมใหญ่ ทำให้หน้าที่ของเขาเน้นไปที่การเป็นตัวช่วยทีมที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ปีแรกที่ร่วมทีมใหญ่ เขาก็ยังสามารถทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งการแข่งเสตจเรซ และแข่งวันเดียว รวมถึงติดชุดใหญ่ของทีมงรายการสำคัญอย่าง จิโร่ดิลอมบาร์เดีย และ อัมสเทลโกลด์เรซ ในปีแรกนี้เลยด้วย ก่อนที่จะได้ติดชุดใหญ่ลงทัวร์สำคัญ ปารีส-นีซ และ ทัวร์เดอโรมังดี  ตั้งแต่อายุเพียง 23 ปี  ในปีที่สองที่มาอยู่กับควิกสเต็ปส์ และปีต่อมา 2016 เขาก็”ด้อยู่ในชุดใหญ่ลงแข่ง ตูร์ เฟอ ฟร็องซ์ เป็นครั้งแรก ซึ่งยังไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรมาครองได้ แต่ไม่นานนักความสำเร็จของเขาก็มากับการคว้าแชมป์เสตจของรายการ เวลตา เอ เอสปานญา (ทัวร์ออฟสเปน) ในปี 2017 กับจะทะยานสู่ฟอร์มที่ขึ้นมาสู่เวิลด์คลาสในปี 2018 ที่ผ่านมานี้เอง

ด้วยวัยเพียง 27 ปี เขาคือ 1 ในนักปั่นความหวังของแฟนๆกีฬาจักรยานฝรั่งเศส ควบคู่ไปกับ ทีโบต์ ปีโนต์ และ โรมัน บาเดต์ ซึ่งทั้งสามคนคือนักไต่เขาที่หาตัวจับยากในยุคนี้ แม้ว่าจะยังไปไม่ถึงเป้าหมายนัก แต่สิ่งที่จูเลียนแตกต่างไปจากอีกสองคนคือ ฟอร์มการขี่ที่ครบเครื่องในยุคหลัง แม้เขาจะไต่เขาได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็มีพละกำลังที่สามารถแข่งวันเดียวได้ดี แรงม้าสูง ขี่ไทม์ไทรอัลได้โดดเด่น และมันคือส่วนผสมของสิ่งที่แชมป์ตูร์ฯสักคนควรต้องมา

มารอดูกันต่อไปครับว่า จูเลียน อลาฟิลิปป์ จะได้ใส่เสื้อเหลืองหน้าประตูชัยหรือไม่ และเส้นทางของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต

July 20, 2019 cyclinghub 0 Comment