
คำว่านิ่งของการขี่จักรยานครอบคลุมถึงการนิ่งทั้งการรักษาระยะและทิศทางให้นิ่ง รวมไปจนถึงการรักษาระดับความเร็วให้นิ่ง ซึ่งสองกรณีนี้คือหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นขี่จักรยานก็ว่าได้
คนส่วนมากมาปั่นจักรยานคงสนใจว่าตัวเองจะเร็วแค่ไหน เร็วได้เท่าไหร่ ปั่นแล้ว av เท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้ว ก่อนที่จะหัดให้ขี่ได้เร็ว จริงๆการหัดให้ขี่ได้นิ่งและคงที่คือหัวใจสำคัญของการเป็นนักปั่นที่ดี และเป็นบันไดก้าวแรกก่อนจะเข้าร่วมปั่นกับกลุ่มนักปั่น
ถ้าจะให้พูดกันหนักๆก็คือ ควรเริ่มหัดปั่นให้ได้นิ่งๆดีๆเสียก่อนจะไปปั่นกับคนอื่นเขา เพราะจักรยานมันเนื้อหุ้มคาร์บอน(เหล็ก) ล้มไปคนเจ็บ ของก็เสียหาย เป็นรอย ซวยหนักๆแตกหักพังไปก็มีเยอะแยะครับ
อุบัติเหตุจะไม่มีทางเกิดเลยหากแต่ละคนรับผิดชอบและเรียนรู้พื้นฐานที่ดีก่อนจะมาร่วมกัน ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนที่คุณจะไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนได้ คุณก็ต้องหัดรับ ส่ง อย่างน้อยต้องผ่านวิชาพละศึกษา เล่นลิงชิงบอลเป็นแล้วล่ะ มีใครอยากจะเล่นกับคนที่ยังคุมอะไรไม่ได้ บอลไปถึงเท้ามันฟาดเปรี้ยงเข้าหน้าเพื่อน เตะทิ้งไปไกลปู๊นต้องให้คนอื่นวิ่งเก็บ หรือเอาเข้าทีมโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเตะเข้าโกลตัวเองมั้ย จักรยานก็เช่นกันครับ
วันนี้ HUB ขอนำเสนอแบบฝึกหัดสำหรับการขี่จักรยานให้นิ่ง ทั้งด้านความเร็วและทิศทางให้ได้เรียนรู้กัน
ขี่ความเร็วให้นิ่ง …..
คนที่ขี่คนเดียวจะหัดได้ง่ายกว่ามากๆครับ เพราะคุณจะมีสมาธิอยู่กับตัวเอง อยู่กับความเร็ว อยู่กับจักรยานและขาของคุณ ลองพยายามขี่แล้วจับความรู้สึกของขาที่”สม่ำเสมอ” ที่พาให้เราเคลื่อนที่ไปได้นิ่งๆยาวๆ ไม่ต้องเร็ว ไม่ต้องแรง จะช้าชมวิวก็ได้แต่ขาต้องคงที่ ความเร็วต้องคงที่ เพราะปัญหาหลักของการไม่สามารถควบคุมความเร็วให้นิ่งได้คือการที่ออกแรงขาไม่คงที่ เดี๋ยวก็เร่ง เหนื่อยก็ผ่อน หรือปั่นๆฟรีๆ นั่นแหละครับ ถ้าเหนื่อยก็ลดความเร็ว ลดรอบขาลงมาซะ แต่หัดให้นิ่งเสียก่อน และเมื่อพัฒนาขึ้น ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นไปทีละนิดๆ หรือลองฝึกหัดแบ่งเป็นช่วงๆแบบสั่งได้ ลองเรียนรู้ที่จะยืนนิ่งๆ 25 กม./ชม. ยาวๆให้ได้ 20 นาที แล้วเร่งขึ้นไป 30 กม./ชม. แบบนิ่งๆเนียนๆแล้วคงที่ให้นิ่งอีกซัก 10-15 นาที วิธีนี้จะทำให้ร่างกายค่อยๆเรียนรู้ที่จะปรับการออกกำลังให้คงที่สัมพันธ์กับความเร็วที่เปลี่ยนไปครับ
อันดับต่อไป ขี่อย่างไรให้รถนิ่ง เอาล่ะครับเรื่องนี้แหละเรื่องใหญ่
เพราะที่เกี่ยวกันล้ม ปาดกัน เบียดกันก็เพราะไม่สามารถรักษาแนวของตนเองเอาไว้ได้ ส่ายไปส่ายมา จะเพราะเหนื่อย เพราะส่ายหลบล้อคันหน้าเวลาเสย ส่ายเพราะลมตี ถ้าพบว่าตัวเองยังไม่นิ่ง ต้องหมั่นหาเวลาฝึกทักษะด้านนี้ครับ แบบฝึกหัดง่ายๆมากๆ เพียง 2 อย่างช่วยได้แน่นอนครับ
ขี่ช้าให้ได้ก่อนจะขี่เร็ว…
…คำว่าช้าตรงนี้ บอกได้เลยว่าช้าระดับ”คนเดิน”ครับ ยิ่งช้า ยิ่งดี ยิ่งช้าได้มากเท่าไหร่ ยิ่งแปลว่าคุณกำลังฝึกให้ระบบการทรงตัว ในหูคุณสั่งการให้คุณคุมรถได้นิ่งขึ้น จักรยานมันทรงตัวง่ายที่ความเร็ว เมื่อแรงส่งไปด้านหน้าทางทิศที่เคลื่อนที่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันช้าจนแรงไปด้านหน้าน้อยลง มันจะคุมรถได้ยากมาก และนั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกให้ได้ คุณไม่ได้ต้องการสถานที่กว้างๆเลย หาเวลาเล็กๆน้อยๆ 15-30 นาที เอาจักรยานมาขี่วนช้าๆ แทบจะหยุดอยู่กับที่ เลี้ยวไปมาให้ได้โดยขาไม่แตะพื้น แล้วรอดูครับเมื่อคุณขี่เร็ว คุณจะคุมรถได้นิ่งขึ้นอีกเยอะ
และแบบฝึกหัดต่อมาคือการสร้าง “เส้นสมมุติ” …..
….ลองหาถนนโล่งๆ ยาวๆ ถ้ามีเส้นถนนสีขาวยิ่งดี พยายามฝึกด้วยการขี่”บนเส้นถนน” (อย่าเร็วนะครับ มันลื่น) พยายามคุมให้รถวิ่งไปตรงๆตามเส้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องก้มหน้ามองเส้นเพื่อจ้องคุมรถเอาไว้ จากนั้นเมื่อทำได้คล่องแล้วลองสมมุติว่ามีเส้นในจินตนาการห่างจากเส้นถนนจริงซัก 1 ฟุต แล้วขี่ไปบนเส้นนั้น รักษารถให้นิ่งที่สุด หมั่นทำบ่อยๆ ทุกความเร็ว ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน พยายามสร้างเส้นสมมุตินี้เอาไว้ให้ได้ และวิ่งไปตามแนวเส้น ทักษะนี้จะช่วยให้คุณขี่ร่วมกับคนอื่นได้ง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะการเข้าโค้งด้วยความเร็ว
ลองสังเกตุแบบฝึกหัดทั้งสามดูนะครับ ไม่มีอันไหนที่ยากเลยแม้แต่อันเดียว และไม่มีอันไหนที่ต้องการพลัง ต้องการความแรงแม้แต่อันเดียว แต่ความต่างระหว่างคนที่ขี่ดี กับคนที่ขี่เร็ว คือตรงนี้แหละครับ คนขี่ดีจะขี่ช้าหรือเร็วก็น่าขี่ด้วย คนที่ขี่เร็วบางคนสักแต่ว่าเร็วแต่ไม่น่าขี่ด้วย
ลองเอาไปฝึกฝนกันดูนะครับ วันละนิด ครั้งละน้อย แต่ช่วยพัฒนาทักษะได้ดีมากๆ ลองดูโปร(ต่างชาติ)คุมรถดูครับ เหมือนสั่งได้ เค้าถึงสามารถขี่ได้ชิดกันได้ขนาดนั้น เพราะทุกคนนิ่งมากๆ อุบัติเหตุของโปรเวลาแข่งเกิดจากการเบียดกันเข้าตำแหน่งที่ต้องการ ต่างไม่ยอมกัน เบียดกันชนิดศอกเกยศอก ไหล่เบียดก้นกันเลยทีเดียว แต่ยังขี่ไปได้แปลว่าคุมรถได้นิ่งที่ความเร็ว 55 กม./ชม.