
Pirelli แบรนด์ยางระดับท็อป กระโดดเข้ามาร่วมเล่นตลาดยางเสือหมอบ
อะไร??? คือความมั่นใจที่จะสู้กับเจ้าตลาดเดิม
ยางยอดนิยมของบรรดานักปั่นมียี่ห้ออะไรบ้าง ผมให้เวลาคิด 3 วินาที???
ยี่ห้อแรกก็จะเป็น C… ตามมาด้วย V… หลังจากนั้นก็จะเริ่มเสียงแตกไปหลายๆแบรนด์แล้ว เพราะโดยปกติสังคมนักปั่นไทยเราเป็นพวก “แห่” ตามกันไปเล่นอยู่แล้ว อะไรที่เขานิยมก็จะถือว่าปัง ถือว่าต้องดีงามเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว เรื่องจะไปลองหาข้อมุลมานั้น น้อยคนจะขยันขันแข็งขวนขวายกับเรื่องเหล่านี้ แต่ก็น่าเข้าใจได้ครับ เพราะเรามาปั่นจักรยานกันเล่นๆ ปกติก็ทำงานทำการกันหัวแทบระเบิดอยู่แล้ว จะต้องมีคร่ำเคร่งในงานอดิเรกมันก็ดูจะขาดความฟินไปไม่น้อย
นอกเหนือจาก “อินฟลูเอ็นเซ่อร์” ที่เป็นที่นิยมถือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานของสังคมยุค 4.0 ก็แทบจะหาเนื้อหาทางเลือกต่างๆของผลิตภัณฑ์ไม่ได้เลย แต่วันนี้ ใครที่สนใจอยากอ่านเนื้อหาจับตามองยางที่แท้ที่จริงวางจำหน่ายในประเทศไทยมาราวครึ่งปีแล้ว แถมแบรนด์ถือว่า “โค ตะ ระ” มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมยานพาหนะเกรดสูงสุดอย่าง Pirelli ที่กล้าพอจะเข้ามาเป็นทางเลือกให้คุณๆลองมองดูกัน
อันดับแรกสิ่งที่น่าสนใจคือ Pirelli มากับล็อตแรกของรุ่นยางในระดับ Top Performance ไม่มองลงมาที่ตลาดกลางและล่างเลย เป็นกลยุทธที่บ่งบอกว่าพวกเขาเข้ามาในตลาดนี้อย่าง “เอาจริง” ไม่ได้จะเข้ามากวาดเงินตามกระแสฮือฮาของโลกเท่านั้น แถมการเป็นผู้เล่นที่เข้ามาช้ากว่าแบรนด์ยางคู่แข่งที่ไปไม่ค่อยสวยในตลาดยางจักรยานแข่ง ก็คงมองวิธีการวางแผนเอาไว้เปนอย่างดี
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจตั้งแต่กำเนิดแรกคือ “พวกเขาไม่ได้เอาสิ่งที่ตัวเองมี มาดัดแปลงเพื่อสร้างยางจักรยานสำหรับแข่งขันเท่านั้น แต่พวกเขานำเอาภูมิปัญญาระดับรถแข่งทั้งสองล้อและสี่ล้อระดับสุงสุดของโลก มาหาความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์” เพื่อสร้างเป็นกรอบการพัฒนายางจักรยานแข่งขันของ Pirelli และมั่นใจพอที่จะใช้ซีรีส์ P Zero ที่ถือเป็นโค้ดเนมของยางเกรดสุงของค่ายนี้
ในเบื้องต้น Pirelli ตีโจทย์คุณสมบัติของยางเสือหมอบแข่งขันออกมาเป็นเป็นปัจจัยต่างๆ 4 หัวข้อซึ่งน้อยคนจะสนใจจำแนกออกมาได้แก่
- แรงเสียดทานการหมุน (Rolling Resistant ข้อนี้คุ้นหูที่สุดเพราะทุกคนมองว่านี่คือสิ่งสำคัญของการเป็นยางที่ดี)
- ความสามารถในการยึดเกาะ
- ความทนทานในการใช้งาน
- การรับมือกับสภาพอากาศที่แตกต่างกัน
ปัจจัยเหล่านี้นำมาเป็นบริบทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาให้มีความเหมาะสมในทั้ง 4 คุณสมบัติที่สุด และตีโจทย์ความต้องการของนักปั่นออกมา และท้ายที่สุดจึงใส่เอาเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเรื่องยางในระดับสมรรถนะสูงที่สุดของตนเองลงไปแก้ปัญหาในการออกแบบ กระบวนการนี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่าพวกเขามองไปที่อนาคตระยะยาวๆจริงๆ ไม่ใช่แค่ใช้จักรยานเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดสร้างแบรนด์ให้ได้เห็นในกลุ่มตลาดนี้เท่านั้น
Pirelli ขยายโจทย์การออกแบบจากการศึกษาและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างที่จะวงการจักยาน ออกมาเป็นแนวทางในการพัฒนายางได้ 3 ประเภทได้แก่
1.ยางที่เน้นเพื่อการทำความเร็วเป็นสำคัญ
2.ยางที่ใช้งานแข่งขันทั่วไป บนสภาพถนนปกติ
3.ยางที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศและผิวถนนที่ไม่อำนวย
ซึ่งวิถีทางนี้สอดคล้องไปกับแนวทางที่ Pirelli พัฒนายางรถแข่งมาโดยตลอด อันที่จริงหัวใจของการใช้งานและความต้องการก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักในวิถีรถยนต์เพื่อการแข่งขัน จักรยานยนต์แข่งขัน และจักรยานแข่งขัน แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของระดับความเร็วและกำลังผลักดันที่พาหนะทั้งสามประเภทมี จากข้อมูลของ Pirelli นี่คืออุปสรรคแรกที่พวกเขาพบเมื่อทำการพัฒนายางจักรยานแข่งขัน จนต้องพึ่งพาทั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจักรยานและในวงการนักจักรยานระดับอาชีพเข้ามาเกี่ยวข้อง จนในที่สุด Pirelli P Zero ก็ออกผลิตภัณฑ์สำหรับจักรยานมาในครั้งแรก 3 รุ่นได้แก่
Pirelli P Zero TT
รุ่นที่ออกแบบมาให้มีแรงเสียดทางการหมุนต่ำที่สุด ติดอันดับต้นๆของโลก มีน้ำหนักเบา ยึดเกาะถนนเข้าโค้งได้ดีที่ความเร็วสูง และถึงแม้จะใช้ชื่อรุ่นว่า TT แต่ในการออกแบบ Pirelli ให้จำกัดความครอบคลุมไปถึงการใช้งานในการแข่งขันจักรยานทางราบถนนทั่วไปอีกด้วย
Pirelli P Zero Velo
เป็นรุ่นที่ให้ความสมดุลย์ใน 4 องค์ประกอบมากที่สุดและมุ่งเน้นไปที่การใช้งานจริงบนถนนทั่วไป สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น TT คือความทนทาน ทั้งในการใช้งานและทนทานต่อการรั่วซึมบนถนนเปิด แต่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งเราจะลงลึกในที่มาของการออกแบบในการรีวิวครั้งต่อไป นี่ถือเป็นยางเสือหมอบทั่วไปที่พวกเขาไม่ได้เน้นไปที่การปั่นทัวริ่งทางไกล แต่ถูกทดสอบมาโดยนักเขียนสายทัวริ่งใน ตปท. ที่ให้ความเห็นว่ามันทำงานได้ดีพอๆกับยางที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการปั่นทัวริ่ง แต่มีความสามารถใน Performance สูงมาก จริงๆในทางกลับกันมันคือยาง Performance ที่ถึกพอจะเอาไปปั่นทัวริ่งได้นั่นเอง
Pirelli P Zero 4S
4S มาจากคำว่า Four Seasons หรือครอบคลุมทุกสภาพอากาศ ดังนั้นยางในรุ่นี้จึงเพิ่มเรื่องของการยึดเกาะถนนเปียก ความสามารถในการรีดน้ำ และรับมือกับฝุ่นบนผิวถนนมากกว่าเดิม ในแนวทางเดียวกับที่รถแข่งต้องเลือกใช้ยางให้เหมาะสมกับสภาพอากาศโดยเฉพาะ ยางโดยทั่วไปอาจออกแบบมากลางๆเพื่อให้ใช้งานได้ครอบคลุม แต่ Pirelli ออกแบบ 4S มาให้เก่งบนผิวถนนที่ไม่อำนวย และสมดุลย์คุณสมบัติอื่นๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เป็นยางในฤดูฝนที่คุณใส่แล้วจะปลอดภัยมากขึ้น พวกเขาให้ความเห็นว่า “รถจะไปได้เร็วเท่าไหร่ก็ตาม เทียบไม่ได้กับเวลาที่เสียไปจากความผิดพลาด” และนี่เป็นวิธีคิดจากวงการมอเตอร์สปอร์ต ที่ทุกเสี้ยววินาทีมีค่าระหว่างผู้ชนะและผู้แพ้
ยางทั้งหมดผลิตในฝรั่งเศส ด้วยการควบคุมคุณภาพอย่างเต็มที่ พวกเขายังไม่ยอมใช้โรงงานผลิตในประเทศตะวันออก(อย่างประเทศไทย ซึ่งจริงๆเก่งมากในด้านอุตสาหกรรมยาง) ด้วยเหตุผลในด้านความละเอียดในการควบคุมชิ้นงาน จัดส่งไปยังประเทศต่างๆทางอากาศเท่านั้น เพื่อให้ยางเสียเวลาในการเดินทางน้อยที่สุด พร้อมระบุวันที่ผลิตแต่ละล็อตอย่างชัดเจน ให้ยางมีอายุการใช้งานที่สมบูรณ์พร้อม ที่สำคัญ ผู้นำเข้ายังสร้างสต็อคของยาง Pirelli ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เพื่อลดความเสื่อมในการสต็อคสินค้าลงไปให้ได้มากที่สุด
ในโอกาสนี้เอง HUB ได้รับเลือกเข้าร่วมทดสอบยาง Pirelli อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งนำยางกลับมาใช้เพื่อสรุปผลการใช้งานระยะยาวในโอกาสต่อไป ตอนหน้า เรามาติดตามชมเจาะลึกการออกแบบ และการใช้งานบนถนนจริง ก่อนจะรอติดตามกันยาวๆ สำหรับการใช้งานแบบเสมือนจริงกัน
สิ่งที่น่าสนใจ : การที่ Pirelli เข้ามาเอาจริงแบบนี้ เราจะได้เห็นอะไรดีๆในอนาคตแน่นอน
สิ่งที่อาจผิดหวัง : มีแต่รุ่นท็อป คงอีกนานกว่าจะเห็น Pirelli ออกมาครอบคลุมทุกช่วงราคา หรืออาจจะเน้นแค่ตลาดกลางและบนเท่านั้น