Garmin นำหน้าในธุรกิจสินค้าแก็ดเจ็ทสำหรับจักรยานมาอย่างยาวนานด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ในรหัสชื่อ Edge  ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคแรกๆที่มี Edge 305 ออกมาจวบจนปัจจุบัน รวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องต่างๆ โดยเฉพาะไฟในสายผลิตภัณฑ์ Varia ก็มีจุดเด่นที่ชัดเจน ทว่าเกือบทั้งหมดจะมาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ในระยะหลัง พวกเขาถูกคู่แข่งในตลาดดึงส่วนแบ่งไปมากขึ้นจากเหตุผลสำคัญคือราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก ยิ่งพวกเขาพัฒนารุ่นบนๆขึ้นเท่าไหร่ ใส่ลูกเล่นเจ๋งๆเข้าไปมากขึ้น ก็ดูจะยิ่งทำให้ราคากลายเป็นกำแพงในการแข่งขันมากเรื่อยๆ เพราะนักปั่นส่วนมากไม่ได้มองหาลูกเล่น”แฟนซี” ขนาดนั้น ดังนั้นในโอกาสนี้ พวกเขาจึงจับเอาลูกเล่นรุ่นเรือธง และรุ่นยอดนิยม มาใส่ลงในการออกแบบใหม่ มีราคาที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมมาก ลองมาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจทั้งสามรุ่นกัน

Garmin Edge 130

ด้วยขนาดตัวเครื่อง 40x62x27 มิลลิเมตร ทำให้ Edge 130 เป็น GPS จักรยานที่มีขนาดเล็กมากตัวหนึ่งในตลาด คุณสมบัติหลักของมันคือการทำให้ไมล์อัจริยะรุ่นบนๆของค่าย Garmin ที่มีฟังก์ชั่นต่างๆมากมาย เข้าถึงได้กับนักปั่นด้วยราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยาก และคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมาะกับการใช้งานสำหรับนักปั่นทั่วไป เพราะมีความสามารถเพียงพอสำหรับนักปั่นใช้งานได้ตามปกติ แถมด้วยความละเอียดหน้าจอที่ทำได้ดีกว่ารุ่นพี่ทั้ง 820 และ 1030 ที่ใหญ่กว่ามากด้วยซ้ำ เนื่องจากหน้าจอเป็นหน้าจอดิจิตัลแบบขาวดำความละเอียด 303×230 พิกเซล แซงหน้ารุ่นใหญ่จอสีไปได้อย่างไม่ยาก ทำให้แม้ว่าหน้าจอจะไม่มีสี แต่ก็คมชัดอ่านได้ง่ายสบายตากว่ามาก

 

อายุการใช้งานต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งอยู่ได้ 15 ชั่วโมง ไม่ได้มากมายเท่ากับไมล์รุ่นบนๆ แต่ถ้านับเทียบกับนักปั่นโดยทั่วไปแล้ว ที่การปั่นสัปดาห์ละประมาณ 5 ชั่วโมง เท่ากับว่าใช้งานได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่ต้องชาร์จแบทเตอรี่ใหม่ โดยที่ไมล์สามารถบอกข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นได้อย่างมากมายทั้งความเร็ว ระยะทาง เวลาที่ใช้ รอบขา ชีพจร แม้แต่ค่ากำลังวัตต์(Power) ซึ่งทั้งหมดสามารถบอกได้ทั้งค่าปกติและค่าเฉลี่ย แต่เนื่องจากนี่ไม่ใช่ไมล์สำหรับสายซ้อมอย่างจริงๆจังๆ ค่าสำคัญในการซ้อมอย่าง TSS และเกี่ยวข้องึงไม่ได้แสดงบนหน้าจอด้วย อย่างไรก็ตาม คุณก็ยังสามารถแสดงค่าวัตต์และหัวใจให้เห็นได้ และหากมีซอฟท์แวร์หรือแอปพลิเคชั่นที่ดาวน์โหลดข้อมูลลงไปได้ ก็สามารถคำนวนค่าต่างๆนี้ออกมาได้เช่นกัน หน้าจอ Edge 130 ก็สามารถแสดงข้อมุลได้ตั้งแต่ 1 ถึง 10 ชนิดข้อมูลและสามารถปรับแต่งเลย์เอาท์ได้ตามต้องการ เพื่อให้หน้าจอมีค่าสำคัญที่นักปั่นแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน รวมถึงสามารถแสดงความสูงเป็นกราฟตัดขวางได้

 

การเชื่อมต่อไร้สายทำได้ผ่านระบบ ANT+ มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ต่างๆทั้งที่วัดรอบขา ความเร็ว ฮาร์ทเรท และกำลังวัตต์ หรือจะเลือกเชื่อมต่อกับอุุปกรณ์เหล่านั้นด้วย Bluetooth ก็ได้ สำหรับสัญญาณ Bluetooth นั้นสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่ออัพโหลดข้อมูลการปั่นลงไปยังแอปพลิเคชั่นที่รองรับได้อย่างทันที พร้อมทั้งสามารถแสดงข้อความ SMS และชื่อสายเรียกเข้าบนหน้าจอได้เหมือนรุ่นบนๆ และแน่นอนว่า รองรับระบบ LiveTracking หรือแสดงตำแหน่งและข้อมุลการปั่นของเราสดๆบนแผนที่ให้คนอื่นติดตามได้

 

สรุปสั้นๆก็คือ นี่คือไมล์แบบ GPS ที่ลูกเล่นครอบคลุมมากกว่าไมล์พื้นฐาน ในขนาดที่เล็ก เชื่อมต่อได้โดยง่าย ทีนี้ก็ต้องมาดูราคาขายกันว่าประเทศไทยจะวางขายราคาเท่าไหร่ และที่สำคัญ คุณต้องถามตัวเองดูให้ดีว่าคุณต้องการค่าต่างๆเชิงลึกมากหรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่ไมล์ที่บอกค่าละเอียดยิบๆบนหน้าจอ หรือแสดงให้ดูได้หลังปั่น คุณต้องทำการเชื่อมต่อเพื่อดูข้อมูลด้วย แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณต้องการแค่ค่าพื้นๆ แสดงค่าวัตต์ให้ใช้งานปั่นได้ มีหัวใจคุมได้ แล้วไม่ได้ต้องการลูกเล่นมากมาย ไม่ได้ต้องการรู้ค่าต่างๆยุ่งเหยิงไปหมด ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงๆไปซื้อรุ่นบนๆมาให้เปลืองเปล่าๆอีกต่อไป

Garmin Edge 520 Plus

คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก Edge 520 ไมล์อัจฉระยิรุ่นยอดนิยมที่สุดของ Garmin ตั้งแต่ทำระบบจอสีครบไลน์มา ด้วยฟังก์ชั่นที่ครบที่สุดเท่าที่นักปั่นสักคนจะต้องการ มีขนาดเล็กพอดีใช้งาน จอสีแสดงค่าได้สดใ และเป็นไมล์ยอดนิยมของคนที่ไม่อยากใช้ระบบสัมผัสแบบรุ่น Edge 820 และ 1030 ถ้าจะนับกันจริงๆแล้วก็น่าจะเป็นที่นิยมเป็นรองเฉพาะรุ่น Edge 500 ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการไมล์จักรยานเมื่อนานมาแล้ว และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพัฒนาไมล์จักรยานอัจฉรียะออกมาสู่ตลาดจนยึดเอาส่วนแบ่งมาครองมากมาย ในโอกาสนี้ Edge 520 Plus จึงเป็นการอัพเกรดให้ 520 เดิม ที่มีจุดเด่นครบเครื่องที่สุด เพิ่มระบบแผนที่แสดงบนหน้าจอ พร้อมทั้งการนำทางบนแผนที่เข้าไปด้วย ดังนั้นสรุปให้ง่ายที่สุด มันคือ Edge 820 ในระบบสัมผัสนั่นเอง ถึงตรงนี้ ใครที่เหนื่อยหน่ายกับการสัมผัสของ 820 แต่ไม่อยากอัพเกรดไปเครื่องใหญ่ๆอย่าง 1030 และยังใช้งานแผนที่ ก็จะมีทางออกมี่ถูกใจมากที่สุดแล้ว

 

นอกจากนี้ยังยัดเอาลูกเล่นล่าสุดจากรุ่นใหญ่ลงมาด้วย สามารถตรวจสอบอุบัติเหตุและส่งข้อความ SMS ไปเตือนหมายเลขฉุกเฉินได้ หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นที่รองรับมากกว่าเดิมทั้ง Garmin Connect, Strava, Best Bike Split และ Trainingpeaks

Varia RTL510

ไฟท้ายเรดาร์อัจฉริยะ Garmin Varia เป็นผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาคว้ารางวัลการออกแบบจากหลายๆสถาบันทั่วโลกเมื่อเปิดตัวมาครั้งแรกราวๆ 3 ปีที่และ เพราะมันเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่ช่วยให้นักปั่นปลอดภัยมากขึ้นด้วยนวัตกรรมการออกแบบอย่างชัดเจน และในครั้งนี้ RTL510 คือการนำเอา Varia Radar เดิมมาย่อขนาดให้เล็ก บาง และใช้งานได้แบบไม่เทอะทะจนทำลายความงามของเสือหมอบสุดเพรียวเรียบหรูคันเก่งของคุณ

 

ตัวเรดาร์พัฒนาให้มีขนาดเล็กลงมาก แสดงผลร่วมกับหน้าจอของตัวมันเองที่มาด้วย หรือกับ Edge รุ่นใหม่ๆอย่าง 520 Plus และ 130 (ต้องรอดูว่าจะมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้กับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง 820 หรือ 1030 ด้วยอย่างไร) ความสามารถในการทำงานของเรดาร์มีระยะตรวจจับพาหนะที่มาจากด้านหลังไกลที่สุดประมาณ 45 เมตร พร้อมทั้งการทำงานเป็นไฟท้ายจักรยานที่มีระยะการใช้งานสุงสุด 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จแบทเตอรี่เต็ม ที่การเปิดไฟกระพริบแบบแสงสว่างตอนกลางวัน และ 6 ชั่วโมงในโหมดกลางคืนหรือเปิดสว่างแบบต่อเนื่อง

April 18, 2018 cyclinghub 0 Comment