BMC Teammachine SLR 7

ถ้าพูดถึงเสือหมอบยี่ห้อ BMC  สิ่งที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ เอกลักษณ์ของการออกแบบที่ไม่มีแบรนด์ไหนเหมือน กับ Teammachine SLR ที่เป็นหนึ่งในเสือหมอบทรงเสน่ห์ ในดวงใจของนักปั่นมากมาย และแน่นอนว่า เราจะมีภาพที่จดจำของ วิศวกรรมชั้นยอด ที่มาพร้อมกับความแม่นยำตามมาตรฐานของ The Switz Engineering และแน่นอนว่า ผลงานของ BMC ก็ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วในการแข่งขันจักรยานระดับโลกมากมาย รวมถึง ชัยชนะ Tour de France ของ Cadel Evans

Teammachine SLR เป็นเสือหมอบที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความสมดุลย์ระหว่างสมรรถนะทั้งหมดอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่เรื่องของน้ำหนักที่เบาอยู่ในแนวหน้าของเสือหมอบแข่งขันระดับโลก พร้อมกับความสติฟฟ์ของเฟรมที่แข็งแกร่ง และความสบายที่ถูกนำมาใส่ในเกณฑ์การออกแบบตั้งแต่ในยุคที่เรื่องนี้ยังไม่ถูกนำมาพูดถึงในวงการอุตสาหกรรมจักรยานมากนัก  ดซึ่งที่มาของจุดประสงค์ในการออกแบบที่สร้างจุดเด่นเหล่านี้ก็คือความใส่ใจของ BMC ที่ไม่เพียงแต่ต้องการออกแบบเสือหมอบที่ชนะใมนการแข่งขันได้เท่านั้น แต่จักรยานของพวกเขาต้องชนะใจนักปั่นในฐานะจักรยานสุดรัก และสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบได้

ล่าสุด BMC ทำการปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัยเข้ามาในกระบวนการต่างๆทั้งการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาช่วยในการคำนวนรายละเอียดทางวิศวกรรม และ สายการผลิตด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะ ทำให้ BMC สามารถถ่ายทอดสมรรถนะของรถชั้นสูงที่มีอยู่ไปยังไลน์จักรยานอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยมและเกิดมาเป็นเสือหมอบในระดับราคาที่จับต้องได้ ซึ่งมาพร้อมกับสมรรถนะที่คุ้มค่า ควบคู่ด้วยฟีเจอร์เด่นๆจากรุ่นเรือธงได้แบบเกินตัว และนี่คือ ที่มาของ BMC Teammachine SLR 7 ที่เราได้มาในครั้งนี้ ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง BMC Teammachine SLR 01 และ BMC Teammachine SLR  ก็คือการจัดเรียงของชิ้นวัสดุคอมโพสิต และตัววัสดุที่ใช้ ส่งผลให้เฟรมมีน้ำหนักที่มากขึ้นอีกนิดหน่อย ความสติฟฟ์ลดลงจากตัวท็อป แต่มีต้นทุนที่ทำให้ได้ราคาขายที่เหมาะกับทุกๆคนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับนักปั่นทั่วไป สมรรถนะที่สูงระดับโลกนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถสัมผัสได้ง่ายนัก

นอกจากนี้ ในการออกแบบโดยรวม จะแตกต่างกันในเรื่องของการเดินสายเคเบิลต่างๆ ที่ BMC Teammchine SLR 01 ตัวท็อประดับแข่งขันจะซ่อนสายภายในทั้งหมด ตั้งแต่ค็อกพิทมาจนถึงตัวเฟรม แต่ Teammachine SLR  ปกติ จะเดินสายภายนอกค็อกพิทก่อนจะเข้าสู่ตัวเฟรม อย่างไรก็ตาม ทั้งทรงแฟรม ท่อต่างๆ Teammachine SLR 01 และ  SLR ธรรมดาใช้ดีไซน์แบบเดียวกัน ซึ่งก็แปลว่า เฟรมทั้งสองจะมีการควบคุมขับขี่ที่ใกล้เคียงกัน และมีความแอโรไดนามิคส์ที่แทบไม่แตกต่างกันในระดับความเร็วนักปั่นทั่วไป ซึ่งเมื่อเทียบกับเฟรมในรุ่นที่ออกมาก่อน เฟรมตังนี้มีความแอโร่ฯมากขึ้นถึง 6% จากทรงท่อแบบใหม่ถอดมาจากเสือหมอบแอโร่ฯของพวกเขา พร้อมทั้งปรับตำแหน่งการวางกระติกน้ำให้อยู่ในจุดที่ช่วยให้อากาศไหลผ่านไปได้โดยมีแรงฉุดด้านหลังที่เฟรน้อยลง แถมทรงท่อล่างยังช่วยให้อากาศผ่านไปได้ดีขึ้นอีกด้วย ท้ายที่สุดคือ หลักอานและท่อนั่งรูปหน้าตัดทรงตัว D  (D-Shape) ที่ทั้งแอโร่ฯและช่วยเรือ่งความสบายมากขึ้น และเฟรมรองรับยางได้ถึง 30 มม.  

BMC Teammachine SLR 7 มากับชุดขับเคลื่อน Shimano 105 ระบบเกียร์แบบสายเคเบิลและเบรคแบบดิสก์เบรค อัตราทดกำลังเฟืองหลังให้มาเป็น 11-32  ซึ่งการันตีว่าเดินทางไปได้ในทุกสภาพเส้นทางทั้งทางราบและไต่เขา เลือกใช้แกนล้อดิสก์เบรคแบบทรูเอ็กเซล 12×100 แบบ Flat-Mount คอมโพเน็นท์ของ BMC ก็ทำได้ดีมากๆเกินมาตรฐานของ House Brand โดยทั่วไป

โดยรวมเมื่อแรกเห็น BMC Teammachine SLR 7 คันนี้ สีสันและงานประกอบต่างๆทำได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นเสือหมอบที่ดุดัน เรียบหรู และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ BMC  เรียกได้ว่า ถ้าเดิมๆก็สวยดูดี และหากนำไปแต่งก็จะหล่อแบบรถโปรได้ไม่ยากเลย ซึ่งก็สอดคล้องกับสมรรถนะของรถที่เป็นอยู่ กล่าวคือ เฟรมมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบในแง่ของความสบายด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบต้นตำหรับเสือหมอบแข่ง Dropped-Seat Stay เจ้าแรกๆของตลาด นอกจากนี้ยังมีอัตราเร่งที่รวดเร็ว รู้สึกได้ถึการส่งกำลังของเฟรมที่ทำได้ดีมากๆ แม้ว่าจะมีชุดเกียร์และล้อติดรถที่เป็นน้ำหนักติดตัวกันอยู่สักหน่อย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเสือหมอบในราคานี้ทั่วไปนะครับ ไม่ใช่ข้อเสียที่ร้ายแรง และเมื่อเราเปลี่ยนล้อเป็น Reynold Blacklabel ล้อแข่งขันคาร์บอนระดับไฮเอ็นด์ เจ้า SLR 7  ก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่า พร้อมที่จะเป็นอาวุธหนัก แสดงพลังแฝงในตัวเอง และศักยภาพที่รองรับความต้องการของนักแข่งได้แบบไร้ข้อกังขา

ดังนั้นหากจะถามว่า BMC Teammachine SLR 7  จะเหมาะกับใคร ก็คงสรุปได้ทันทีว่าหากคุณต้องการมีประสบการณ์ของเสือหมอบไฮเอ็นด์ สมรรถนะที่มีเต็มเปี่ยม พร้อมด้วยวิศวกรรมชั้นยอดของ BMC ในราคาที่จับต้องได้ มาเป็นรถคู่ใจเพื่อลิ้มรสการปั่นที่หลากหลาย ไปจนระดับนักปั่นขาแรงตระเวนงานหลากหลาย เหนืออื่นใด หาจะหาเฟรมดีๆ กับคอมโพเน็นท์คุ้มๆมาเป็นพื้นฐานอัพรถไปสู่ยานระดับยุทธภัณฑ์ที่ตอบรับอนาคตทั้งดิสก์เบรค ล้อขอบอ้วนและหน้ายางกว้าง นี่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

Tag :: BMCrevi
August 23, 2022 cyclinghub 0 Comment