
ย้อนกลับไปเกือบสิบปี ถ้านึกถึงเสือหมอบแอโร่ฯที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเมื่อเปิดตัว และเป็นกระแสรุนแรงที่สุดคุณจะนึกถึงใครครับ? แต่ถ้านึกถึง Giant Propel แล้วล่ะก็ อะไรคือสิ่งที่เราจดจำได้บ้าง คำตอบก็คือ นี่คือเสือหมอบแอโรไดนามิคส์ที่แม้ว่าจะมาช้ากว่าเพื่อนในเวลานั้น แต่การขยับตัวของยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมจักรยานอย่าง Giant แบรนด์ที่เป็นเจ้าจองเทคโนโลยีเองตั้งแต่วัสดุ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต การผลิต และการออกแบบพัฒนา พวกเขาเคยปล่อย Propel ออกมาทุบทุกๆมาตรฐานของเสือหมอบแอโร่ฯในยุคนั้นลงได้อย่างราบคาบและกลายเป็นมาตรฐานต่อมาอีกหลายปี จนขนาดที่ว่า ผ่านไปอีกเจ็นเนอเรชั่น Giant Propel รุ่นแรกสุดก็ยังติดอยู่ในหัวตารางของเสือหมอบแอโร่ไดนามิคส์ที่เร็วที่สุดได้อย่างเหนียวแน่น แบรนด์อื่นๆนั้น ผ่านมา และผ่านไป แต่ Propel คือชื่อที่ไม่เคยหลุดออกไปจากนิยามของเสือหมอบสายซิ่งชั้นแนวหน้า
และล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 สิงหาคม) Giant ก็ได้ปล่อยเอา Propel 2023 ให้โลกได้รับรู้ถึงรายละเอียดอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากที่ได้เห็นกันมาใน Tour de France 2022 ที่ผ่านมาแล้ว ในโอกาสนี้ จะพาไปดูสรรพคุณที่ทำไมเราถึงบอกว่า นี่คืออีกครั้งที่มาตรฐานถูกยกขึ้นไป และเปลี่ยนมุมมองของเราเกี่ยวกับเสือหมอบแอโรไดนามิคส์
เบากว่าเดิมอย่างน่าตกใจ
Giant Propel .ใหม่ เลือกแนวทางการพัฒนาไปบนช่องทางของเสือหมอบแอโรไดนามิคส์ที่สามารถขี่ทำความเร็วได้สูงแต่ก็ยังมีน้ำหนักเบาจนสามารถนำไปใช้บนเส้นทางทั่วไปได้อย่างเหมาะสมด้วย ดังนั้น การรีดน้ำหนักออกไป 225 กรัม จากเฟรมเซ็ททั้งหมด ทำให้ Propel มีน้ำหนักอยู่ในพิกัดใกล้เคียงกับเสือหมอบออลราวด์อื่นๆโดยที่ได้เปรียบในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ที่ความเร็วสูงมากๆ
ด้วยน้ำหนักเฟรมเพียง 845 กรัม Propel 2023 คือเสือหมอบแอโรไดนามิคส์ที่เบาที่สุดในตอนนี้
เร็วและแอโร่ฯยิ่งกว่าเดิม
ถ้าคิดว่า การทำเฟรมให้เบาลง รีดทรงท่อให้เรียวเล็กรับแรงได้ดีจะไปไม่ได้กับทรงท่อที่แหวกอากาศได้ดีนั้น คุณต้องคิดอีกทีเพราะ Propel ในเวิร์ชั่นนี้ ลู่ลมยิ่งกว่าเดิมรวมๆทั้งเคันถึง 9.2% หรือพูดอีกทีก็คือ มันเร็วกว่า Propel เวอร์ชั่นเดิมได้ถึงเกือบหนึ่งในสิบเลยนั่นเอง
Propel ใหม่สามารถเซฟวัตต์ได้ถึง 6.3 วัตต์ หรือ ถ้าคุณขี่ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. จะทำเวลาได้เร็วขึ้น 27 วินาที
จัดจ้านด้วยการตอบสนองที่แรง
ด้านความสติฟฟ์ของเฟรมที่มาช่วยในเรื่องของการตอบสนองแรงกระทำที่ส่งกำลัง Propel ตัวนี้มีความสติฟฟ์ของเฟรมโดยรวมมากขึ้น 9.9% ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้น 7.5% ในส่วนของประสิทธิภาพในการส่งกำลังที่ช่วงกระโหลกและตะเกียบโซ่ของเฟรม ที่สำคัญ การลดน้ำหนักและเพ่ิมความสติฟฟ์นี่เองที่ทำให้ Propel รุ่นล่าสุด มีค่าอัตราส่วนความสติฟฟ์ต่อน้ำหนัก ก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นถึง 26.4%
สบายยิ่งกว่าเดิม เพื่อระยะทางที่ยาวไกล
หลายๆคนอาจจะไม่ค่อยนึกถึงความจำเป็นในสมรรถนะทางด้านนี้ แต่สำหรับนักปั่นที่ขี่บนทางยาวไกล หรือโปรที่ต้องแข่งกันหลายๆวัน ความสบายที่ได้จากแรงสะเทือนของถนนที่ลดลง เป็นตัวแปรสำคัญมากๆที่อาจทำให้พวกเขาชนะได้ และแม้ว่านี่ดูแล้วจะเป็นสมรรถนะที่ไม่น่าสนใจที่สุด แต่ มันคือการพัฒนาอย่างน่าตกใจที่สุด เพราะว่า Propel 2023 ลดแรงสะเทือนจากถนนมาถึงผู้ขี่ด้วยท่อนั่ง หลักอาน และ ตะเกียบท่อนั่งที่ออกแบบใหม่ได้ดีกว่าเดิมถึง 85% (เกือบเท่าตัว)
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นได้ระดับนี้มาจากทีมงาน R&D ของ Giant สามารถออกแบบจักรยานที่ทะลุขีดจำกัดได้โดยมีกำแพงด้านวัสดุและการผลิตน้อยกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะพวกเค้าสามารถควบคุมทุกอย่างที่เข้ามาร่วมกันก่อกำเนิดเป็นเฟรมจักรยานในฝันได้ทุกกระบวนการ ในฐานะของผู้ผลิตคาร์บอนไฟเบอร์รายใหญ่ของโลก, โรงงานอุตสาหกรรมจักรยานที่ใหญ่ที่สุดเจ้าหนึ่งของโลก และมีเทคโนโลยีการผลิตของตัวเองที่ล้ำหน้าในวงการอุตสาหกรรมเสมอ
o คาร์บอนไฟเบอร์ใหม่ล่าสุดของ Giant Professional Grade ที่ทำให้เฟรมสามารถรีดน้ำหนักได้มากด้วยความแข็งแรงและคุณภาพที่สูงที่สุดเท่าที่มีในตลาด ณ ตอนนี้ (แม้ว่าจะไม่เปิดเผยว่าใช้คาร์บอนอะไร อย่างไรบ้าง แต่ Giant กล่าวว่านี่คือเทคโนโลยีที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมจักรยาน ณ เวลานี้แล้ว)
o เรซิ่นชนิดใหม่ ที่ทำให้เกิดเทคโนโลยี CNT (Carbon Nano Tube) โดยอนุภาคระดับนาโน จะเข้าไปลดช่องว่างในเนื้อวัสดุเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งมากที่สุด และเพิ่มการรับแรงกระแทกได้ถึง 15%
o Fusion Process คือกระบวนการผลิตที่ผสมกันทั้งงานฝีมือของเจ้าหน้าที่สายการผลิตและการขึน้รูปด้วยเครื่องจักรก่อนเข้าสู่กระบวนการใช้อุณหภูมิและแรงดันสูงช่วยเพิ่มความแน่นหนาของวัสดุแต่ละส่วนในรอยต่อสำคัญของท่อนั่งและท่อนอน
o การวางโครงสร้างเส้นใยอย่างต่อเนื่องด้วยความแม่นยำ ช่วยให้เฟรมส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้มีสามเหลี่ยมหน้าที่เบากว่าเดิมแต่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
o ความแม่นยำด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ตัดชิ้นส่วนคอมโพสิตในรูปทรงที่ซับซ้อนกว่าเครื่องจักรแบบเดิมๆได้ เพื่อประกอบกันเป็นโครงสร้างที่ดีกว่าเดิม
o หุ่นยนต์การผลิตเทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยในเรื่องของความแน่นอน แม่นยำ ในส่วนสำคัญของโครงสร้างเฟรม
ท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้เราต้องอ้าปากค้างเมื่อได้รับข้อมูลการเปิดตัวในครั้งนี้ก็คือ เทคโนโลยีเกือบทั้งหมดนี้ ส่งต่อกันตั้งแต่ Propel Advanced SL รุ่นท็อปสุด ไปจนถึงรุ่น Advanced ที่ราคาจับต้องได้ โดัยปรับเปลี่ยนในด้านวัสดุและการผลตบางส่วนให้มีต้นทุนที่ถูกลง ทำให้ ในรุ่น Propel Advanced Pro มีสมรรถนะโดยรวมอยู่ในระดับเสือหมอบแข่งขันชั้นนำแซงหน้าเรือธงของแบรนด์คู่แข่งบางค่ายได้เลย ยังไม่นับ หน้าตาความหล่อของ Propel Advanced ที่ทั้งคอมโพเนนท์ต่างๆกับชุดแฮนด์และการเดินสาย ถอดแบบมาจากรุ่นพี่ชนิดที่ไม่มีค่ายไหนทำได้แบบนี้เลย ปัจจัยทั้งหมดที่ Giant เป็นต่อก็คือ คอมโพเน็นท์เกือบทั้งหมดในรถคอมพลีท อยู่ในมือของพวกเขาเองตั้งแต่วัสดุ การออกแบบ และการผลิตเฉกเช่นเดียวกัน
ติดตามชมกันในเร็วๆนี้ เพราะ ณ วินาทีที่เรานำเสนอบทความนี้ รถ Giant Propel สำหรับจัดจำหน่ายคันแรกของโลก ได้มาถึงเมืองไทยแล้ว และ แน่นอนว่า เราจะพาทุกท่านไปชมตัวจริงกันอย่างแน่นอน เดี๋ยวเปิดตัวเป็นทางการในประเทศไทยพร้อมราคาแลเวจะมาอัพเดทกันนะครับ